เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ธันวาคม 2548 ที่บ้านทุ่งหว้า ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา วันสุดท้ายของการจัดงานครบรอบ 1 ปี สึนามิภาคประชาชน ตัวแทนชาวบ้านผู้ประสบภัยได้ร่วมกันเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์สึนามิ ประกอบด้วย 8 ประเด็น ได้แก่ ปัญหาที่ดิน, ปัญหาจากนโยบายรัฐ, ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและการเตือนภัย, ปัญหาการฟื้นฟูวิถีชีวิต อาชีพและองค์กรชุมชน, ปัญหาชาติพันธุ์, ปัญหาเรื่องบ้าน, ปัญหาเด็ก เยาวชนและสตรีและปัญหาด้านวัฒนธรรม หลังจากได้มีการสรุปกลุ่มย่อยตามประเด็นปัญหาดังกล่าวมาแล้ว เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2548
จากนั้นคณะมโนราจากมหาวิทยาลัยทักษิณ จังหวัดสงขลา นำโดยนาย
จากนั้นผู้ประสบภัยที่เข้าร่วมงานได้ร่วมลงชื่อและประทับลายนิ้วมือลงบนป้ายผ้าขนาดใหญ่ แล้วผูกติดกับเชือกทำเป็นธงก่อนชักขึ้นสู่ยอดเสา
ด้านนาย
"โหมฺเลต้องอยู่เลชั่วลูกชั่วหลาน
ลงหลักปักฐานปลูกเริ่นสร้างร้านไปนานเนิ่น
อนาคตเรากำหนดไว้ใช่ส่วนเกิน
รัฐอย่าเมินทำไหรเรารู้ก่อน
คืนสัญชาติไทยให้คนพลัดถิ่น
หาอยู่หากินมีน้ำมีไฟไม่เดือดร้อน
ทั้งเลนาป่าควนล้วนอาทร
ยามเดือดร้อนได้ความรู้จากตายายไว้เตือนภัย
ต่อมาเวลา 17.30 น.วันเดียวกัน นาย
นาย
นายไมตรีรายงานอีกว่า ขณะที่คนไร้สัญชาติไม่มีสิทธิมีที่ดินและที่อยู่อาศัยตามกฎหมาย ส่วนคนไทยพลัดถิ่นกว่า 2 หมื่นคน ไม่ได้รับบริการพื้นฐานจากรัฐ เช่น ที่อยู่อาศัย การศึกษา บริการสุขภาพ ที่ดิน เพราะรัฐยังไม่ยอมรับว่าเป็นคนไทย ชาวเลที่ประสบภัยจำนวนหนึ่งไม่มีบัตรประชาชน ไม่ได้รับความสะดวกในการรับความช่วยเหลือและถูกรุกรานจากการพัฒนาต่างๆ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว เด็กกำพร้าจากสึนามิไม่มีการอุปการะอย่างต่อเนื่อง ในด้านอาชีพยังขาดเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมอาชีพในชุมชน
นายไมตรีรายงานต่อว่า นอกจากนี้นโยบายของรัฐมีผลกระทบกับชุมชนชายฝั่งด้วย ได้แก่นโยบายแปลงทะเลเป็นทุน โดยการออกโฉนดทะเลหรือโฉนดน้ำ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนทะเลซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะให้เป็นที่ของเอกชน และการเร่งเพิ่มการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จะมีผลทำลายระบบนิเวศน์ทางทะเล สุดท้ายจะก่อความขัดแย้งให้ชาวประมง พื้นที่ทางทะเลตกเป็นของเอกชนรายใหญ่ เช่นที่เกิดขึ้นที่อ่าวปัตตานีและอ่าวบ้านดอน
"ขณะที่องค์กรบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว (อพท.) ที่รัฐบาลให้มีอำนาจเหนือองค์กรปกครองท้องถิ่น ชุมชนและระบบราชการปกติ เป็นการจัดตั้งองค์กรพิเศษให้มีอำนาจเหนือองค์กรที่ตั้งโดยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้อำนาจรัฐละเมิดกฎหมาย" นายไมตรีกล่าว
นายไมตรีรายงานต่อไปว่า อย่างเกาะช้างหลังจาก อพท. เข้าบริหาร ที่ดินส่วนใหญ่อาจเป็นของเอกชนไม่กี่ราย ที่เกาะพีพี พบว่า อพท. วางแผนพัฒนาพื้นที่สำหรับเอกชนรายใหญ่ โดยผลักดันชุมชนท้องถิ่นและธุรกิจการท่องเที่ยวออกจากเกาะ โดยมาตรการทางอ้อมและทางตรง จนถึงปัจจุบันผู้ประสบภัยยังไม่ได้สร้างบ้านเนื่องจากมีคำสั่งห้ามจาก อพท.
จากนั้นนายไมตรีได้เสนอว่า แนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้ชุมชนผู้ประสบภัยทำการฟื้นฟูชุมชนด้วยตนเองอย่างยั่งยืนนั้นขอให้ออกระเบียบ หรือกฎหมายรับรองการอยู่อาศัยของชุมชนผู้ประสบภัยในที่ดินรัฐทุกประเภท ขอให้สอบสวนและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์เอกชนที่ออกโดยมิชอบและให้การรับรองสิทธิในชุมชนผู้ประสบภัย สึนามิได้อยู่อาศัยในที่ดินเดิม จัดหาไฟฟ้าและน้ำประปาชั่วคราวให้ชุมชนผู้ประสบภัยที่อาศัยในที่ดินทุกประเภทเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
นายไมตรีเสนออีกว่า ขอให้เร่งสำรวจ ทำทะเบียน สืบค้นประวัติคนไทยพลัดถิ่นทั้งหมด โดยดำเนินการร่วมกับเครือข่ายการแก้ไขปัญหาคืนสัญชาติไทย เพื่อนำไปสู่การให้สัญชาติและออกบัตรประชาชนต่อไป ระหว่างนี้ขอให้รับรองบัตรประจำตัวผู้ขอใช้สัญชาติไทยเพื่อให้สามารถใช้สิทธิพื้นฐานทางด้านต่างๆ ด้วย
นายไมตรีเสนอต่อว่า ขอให้ตั้งกองทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมอาชีพให้ชุมชนผู้ประสบภัย ให้เด็กที่ประสบภัยทุกคนได้การศึกษา บริการสุขภาพและอื่นๆ อย่างครบถ้วน ขอให้ทบทวนนโยบายการแปลงทะเลเป็นทุนและให้จัดตั้งกลไกการแก้ไขปัญหาในระดับประเทศและระดับจังหวัด โดยให้มีตัวแทนชาวบ้านเข้าร่วม เช่น คณะอนุกรรมการที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่ดิน เป็นต้น
จากนั้นนายไมตรี ได้ยื่นหนังสือผลการทำงานฟื้นฟูชุมชนผู้ประสบภัยสึนามิ 1ปีของเครือข่ายชุมชนผู้ประสบภัยและพันธมิตร รวมทั้งข้อเสนอและแนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อให้ชุมชนผู้ประสบภัยทำการฟื้นฟูชุมชนด้วยตนเองอย่างยั่งยืน ซึ่ง มีทั้งหมด 11 ข้อ มอบให้นายยงยุทธ
นายยงยุทธ กล่าวหลังจากรับหนังสือว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือว่าละเลยปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ปัญหาบางอย่าง เช่น ที่ดิน หลายแห่งยังอยู่ในชั้นศาล รัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ถึงอย่างไรรัฐบาลก็อยู่ข้างประชาชนและจะพยายามหาทางช่วยเหลือ
นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาเรื่องที่ดินนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกสำรวจที่ดินทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนกัน เช่น ที่อุทยานแห่งชาติทับซ้อนกับที่ดินของชาวบ้าน ซึ่งเกิดจากแต่ละหน่วยงานมีมาตราส่วนในการวัดที่ดินไม่เท่ากัน จึงเร่งจัดทำแผนที่มาตราส่วน 1: 4,000 ให้เสร็จก่อนเดือนมีนาคม 2549
นายยงยทุธกว่าวอีกว่า สำหรับปัญหาที่ดินของบ้านทุ่งหว้านั้น ในวันเดียวกันนี้ ตนจะปรึกษากับ นาย
ส่วนปัญหาคนไร้สัญชาติ จะให้มีการพิสูจน์ DNA โดยรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยการได้รับสัญชาติต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ถ้าหากว่าหน่วยงานไหนไม่ยอมทำให้ ก็ให้ฟ้องศาลปกครองได้ทันที
นาย
"ผมคาดว่าข้อเสนอเกินครึ่งจะได้รับการตอบสนอง เนื่องจากเป็นช่วงขาขึ้นของรัฐบาล เพราะทุกเรื่องที่ตัวแทนภาคประชาชนเข้าเจราจา ทางตัวแทนของรัฐบาลรับปากทั้งหมด มีเพียงเรื่องที่เราไม่ได้เจรจา คือ ขอให้มีตัวแทนชาวบ้านเข้าร่วมเป็นคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ธรณีพิบัติ 6 จังหวัดและคณะอื่นๆ ในระดับจังหวัด" นายจำนงค์ กล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)