Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


ตรุษจีนที่ผ่านมา หลายคนที่ไม่ได้อยู่บ้าน คงจะได้กลับไปพบปะญาติมิตร และผมเองก็เป็นคนหนึ่งในประเภทนั้น จะว่าไปครอบครัวผมก็เป็นครอบครัวเชื้อสายจีนธรรมดาๆ ครอบครัวหนึ่ง วันๆ ก็ทำมาหากิน เสียภาษี เป็นคนดีแบบที่ขงจื้อสอน เรื่องการบ้านการเมืองนอกจากผมแล้วก็ไม่มีใครที่สนใจ และที่บ้านก็ไม่มี ASTV ให้ดู "ไม่มีเมืองไทยรายสัปดาห์" ของคุณ สนธิ ลิ้มทองกุล ให้ยล



ผมจำได้ว่า คราวเลือกตั้ง ส.ว. เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ที่บ้านผมแห่ไปลงคะแนนให้กับคุณปราโมทย์ ไม้กลัด ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน แม้แต่ผมเองที่ทำงานด้านติดตามข่าวสารเองก็ยังต้องยอมรับแทบไม่รู้จัก มีแต่เพียงเสียงกระซิบกันปากต่อหูต่อไปที่ปากว่า "เป็นบุคคลที่คอยเดินตามในหลวงในทุกครั้งที่เสด็จไปพื้นที่ทุรกันดาร" และนั่นเป็นเหตุผลให้คุณปราโมทย์กวาดคะแนน ส.ว. ในกรุงเทพฯไปแบบถล่มทลายครองอันดับ 1 ของ ส.ว.ที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดในสภา


 


นั่นเป็นปรากฏการณ์ที่พลิกผลการสำรวจหลายสำนัก และเป็นครั้งที่ชัดเจนที่สุดของพลังแบบ "ปากต่อปาก" ปัญหา ณ เวลานั้นที่เราหรือบรรดาคนติดตามข่าวสารการเมืองอยากจะรู้ อยากจะมองให้เห็นก็คือ คุณปราโมทย์หรือใคร ใช้กลไกไหนสร้างพลังปากต่อปากได้มากขนาดนี้ แต่จนบัดนี้เราก็ยังไม่กระจ่างในความสลับซับซ้อนของกลไกนี้


 


ที่เอาเรื่องนี้มาเล่า เพราะตรุษจีนที่ผ่านมา ที่บ้านผมตั้งวงคุยเรื่องการเมือง และหัวข้อก็หนีไม่พ้น "อาสนธิ อีจะล้มรัฐบาลได้ไหม" พูดก็พูดเถอะคำถามแบบนี้แปลกันภาษาที่รู้จักคนที่บ้านมาแต่อ้อนแต่ออก ก็ต้องบอกว่าเป็นคำถามที่ไม่มีเครื่องหมายคำถามกำกับต่อท้าย เพราะคำตอบต่อเรื่องนี้มันปรากฏขึ้นในไม่กี่ประโยคต่อมาว่า ก็เห็น "อาทักษิณอีขายหุ้นเตรียมหนีแล้วไม่ใช่หรือ"


 


ถ้าการเมืองคือสงคราม ปรากฏการณ์แบบนี้บอกนัยว่า คุณทักษิณนั้นแพ้แล้วก่อนที่จะมีการรบกันในวันที่ 4 กุมภา แต่เอาล่ะ ผมเองยังเชื่อว่า นี่คือคนในเขตเมืองและหัวเมืองเท่านั้น คนในพื้นที่วงรอบออกไปน่าจะยังคงรักใคร่คุณทักษิณอยู่อย่างเหนียวแน่น กระนั้นผมก็ไม่คิดหรอกว่า คนส่วนใหญ่เหล่านั้นจะมีแรงจูงใจออกมาปกป้องคุณทักษิณตามท้องถนนหากรัฐบาลปล่อยให้ทุกอย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ไปกะเกณฑ์ให้มีขึ้น


 


อย่าลืมนะครับว่า ตอนคุณสุจินดา คราประยูรเป็นนายกฯ คุณสุจินดาก็ได้รับการสนับสนุนจากพรรคสามัคคีธรรมและพรรคร่วมรัฐบาลที่ครองเสียงข้างมากในสภา แต่เมื่อคนกรุงเทพไม่เอา บวกกับคุณสุจินดาไม่มีความชอบธรรม คุณสุจินดาก็ต้องไป


 


อย่างไรก็ตาม คุณทักษิณคงไม่ได้จัดอยู่ในกรณีแบบคุณสุจินดา แล้วคุณสนธิก็คงไม่มีพลังมากขนาดจะล้มรัฐบาลได้ แต่อย่าประมาทไป สังเกตไหมครับว่า พักหลังๆ คุณสนธิ พูดถึงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์น้อยลง พูดเรื่องการคืนพระราชอำนาจน้อยลง และพูดถึงการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ น้อยลง และออกมาย้ำจุดยืนว่า การชุมนุมวันที่ 4 กุมภาฯ คือ "การยื่นฎีกา ร้องทุกข์ให้แผ่นดิน" ซึ่งเป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญเป๊ะ


 


ครป. หรือ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย หนึ่งในองค์กรนำในเหตุการณ์ต้านเผด็จการก่อนเดือนพฤษภาคม 2535 ที่เคยวางเฉยต่อม็อบสนธิมาตลอด พูดก็พูดเถิดครับ ผมเชื่อเลยว่าจะต้องได้รับการต่อสายจากสนธิ และหากม็อบสนธิได้ร่วมกับองค์กรภาคประชาชน ความชอบธรรมของม็อบจะกลายเป็นคนละเรื่องกับม็อบสนธิที่มีมาก่อนหน้านี้เลยทีเดียว


 


เปล่าครับ ความชอบธรรมนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับองค์กรที่เคลื่อนไหวเท่านั้น จุดชี้เป็นชี้ตายที่ทำให้คนเข้าร่วมกับม็อบสนธิ ในวันที่ 4 กุมภาฯ ไม่ใช่ถวายคืนพระราชอำนาจ ยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเรื่องความไม่ชอบมาพากลในหลายประเด็นคลั่งค้างที่เกี่ยวกับการขายหุ้นชิน คอร์ป ยกล็อตครั้งประวัติศาสตร์ 7.3 หมื่นล้าน ทั้งเรื่องภาษี เรื่องซุกหุ้นรอบ 2 เรื่องโทรคมนาคม เรื่องการสูญเสียวงโคจรดาวเทียมไปให้กับผู้ซื้อหุ้น ซึ่งถูกเรียกว่าการสูญเสียอธิปไตยทางอวกาศ เรื่องทรัพย์สินที่งอกออกมามากมายของตระกูลชินวัตร ฯลฯ


 


พูดก็พูดเถิดครับหุ้นของ Ample Rich Investments Ltd ที่ครอบครองหุ้นชิน คอร์ป จำนวน 329,200,000 หุ้นนั้นมากระจายอยู่ในมือบุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อย่างไร ไปซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อไร เอาเงินที่ไหนไปซื้อ ทั้งๆ ที่ ก่อนหน้าการขาย คนในตระกูลชินวัตรถือหุ้นชินคอร์ปไม่ถึง 49.6% แต่ทำไมเวลาขายจึงขายไปจำนวนถึง 49.6% เป็นการซุกหุ้นโดยถือไว้ในชื่อ Ample Rich หรือไม่ และใครซุก ซุกไว้ตั้งแต่เมื่อไร และก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐมนตรีหรือไม่


 


เรื่องยากๆ ที่ต้องอาศัยความเข้าใจในเล่ห์เหลี่ยมทางธุรกิจแบนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยใช้ได้ผล ทำให้ชาวบ้านไม่ถามไถ่เอาความจนสร้างกระแสให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หลุดพ้นจากคดีซุกหุ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่เรื่องยากๆ แบบนี้ มันอาจจะไม่จำเป็นต้องไถ่ถามหาความ แล้วสรุปได้ในความไม่ตรงไปตรงมา วางใจไม่ได้ ในวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และตระกูลล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ


 


ส่วนพรรคฝ่ายค้านนั่นหรือ ก็ป้อนข้อมูลความไม่ชอบมาพากลสารพัดเรื่องเข้าสู่กระแส ตั้งแต่ดอดขายเหมืองโปแตซ 3 แสนล้านให้เหยียนปิน และอื่นๆ


 


ความยากของคุณทักษิณก็คือ ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้ไหลลื่นหรือโลดแล่นอยู่ในหน้าสื่อเท่านั้น แต่ปรากฏเป็นตัวเป็นตนที่เรียกว่า "ม็อบ" ซึ่งศักยภาพของมัน มีตั้งแต่ กดดัน จลาจล ไล่ไปจนถึงก่อให้เกิดสงครามกลางเมือง อันนี้ผมพูดถึงศักยภาพนะครับ ไม่ได้วิเคราะห์ว่าจะเกิดขึ้นได้ในบ้านเรา


 


คุณทักษิณ จะวางเฉยไม่ตอบคำถามม็อบก็ได้ และก็รอให้ม็อบสลายไปเอง แต่คุณทักษิณน่าจะได้เรียกคนเดือนตุลาในพรรคไทยรักไทยมาอยู่ข้างกายได้แล้ว และถามว่า การวางเฉยผลจะเท่ากับการยั่วยุหรือไม่ แล้วถ้าตอบ จะตอบยังไง หรือจะตอบได้หรือ? ในกรณี "ดีลประวัติศาสตร์" เมื่อมันชัดเจนเสียขนาดนั้น แม้จะหาช่องโหว่เอาผิดทางกฎหมายไม่ได้เลยก็ตาม


 


เว้นเสียแต่ว่า ม็อบไม่ต้องการรอคำตอบ และเลือกที่จะสลายไปเองภายหลังจากยื่นฎีกา แต่ผมแนะนำว่า รัฐบาลน่าจะได้คิดแทนคุณสนธิด้วยว่า ในกรณีที่ม็อบไม่ยอมสลาย หรือไม่ยอมให้คุณสนธิสลายหรือเลิกลาจะทำอย่างไร


 


อย่าลืมนะครับ ไม่ว่าจะอย่างไรคราวนี้คุณสนธิ "ทิ้งม็อบ" ไม่ได้ ไม่ว่าจะอย่างไรคราวนี้ ม็อบนำสนธิ ไม่ใช่สนธินำม็อบ


 


ผมไม่รู้จริงๆ ว่า หลังวันที่ 4 กุมภาพันธ์จะเป็นอย่างไร จะเป็นเหมือนหลังวันที่ 4 ธันวาคมหรือไม่ แต่คุณทักษิณควรจะเตรียมทางหนีไว้บ้าง แล้วเปิดให้สังคมไทยหาคำตอบว่า


 


เราจะนำสินทรัพย์ที่สูญเสียไปจากดีลประวัติศาสตร์นี้คืนมาได้อย่างไร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net