Skip to main content
sharethis

เดลี่เทเลกราฟ
11 ธันวาคม 2002

เมื่อต้นปีนี้ ผมเข้ารับการผ่าตัดใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็ง การผ่าตัดและอาการข้างเคียงที่ตามมาภายหลังเป็นเสมือนฝันร้าย ผมรู้สึกเหมือนคนว่ายน้ำไม่เป็นที่ต้องลอยคอผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ท่ามกลางมหาสมุทรมืดมิดลึกล้ำไร้ที่สิ้นสุด แต่ในที่สุด ผมไม่ได้จมน้ำตายและยินดียิ่งนักที่ยังมีชีวิตรอดมาได้

กระนั้นก็ตาม ผมพบว่าการตื่นจากฝันร้ายส่วนตัว กลับกลายเป็นการตื่นมาพบกับฝันร้ายส่วนรวมที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่ามิรู้เท่าไร นั่นคือฝันร้ายของความบ้าคลั่ง อวิชชา จองหอง งี่เง่าและกระหายสงครามของรัฐบาลอเมริกัน ชาติมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกเคยรู้จักกำลังประกาศสงครามกับคนทั้งโลก

ถ้าท่านไม่อยู่ฝ่ายเรา ท่านก็เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา ประธานาธิบดี ยอร์จ ดับเบิลยู. บุชกล่าว เขายังพูดอีกว่า: เราจะไม่ยอมให้อาวุธร้ายแรงที่สุดในโลกตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้นำที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก พูดได้ดีทีเดียว ส่องกระจกดูสิวะ ไอ้เพื่อนยาก แกเองนั่นแหละ

ขณะนี้อเมริกากำลังพัฒนาระบบ อาวุธทำลายล้าง ทันสมัย และพร้อมที่จะเอาออกมาใช้ในเวลาที่มันเห็นว่าเหมาะสม อเมริกามีอาวุธทำลายล้างมากยิ่งกว่าประเทศที่เหลือทั้งหมดในโลกรวมกัน อเมริกาเมินหนีข้อตกลงนานาชาติว่าด้วยอาวุธชีวภาพและอาวุธเคมี ไม่อนุญาตให้มีการตรวจสอบโรงงานของตัวเอง ความหน้าไหว้หลังหลอกที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำแถลงการณ์และพฤติกรรมของรัฐบาลอเมริกันแทบจะเป็นเรื่องตลกไปแล้ว


อเมริกาเชื่อว่า ยอดผู้เสียชีวิต 3,000 รายในนิวยอร์ก คือคนตายจำนวนเดียวที่มีอยู่ คือคนตายจำนวนเดียวที่มีความสำคัญ เพราะพวกเขาเป็นคนตายชาวอเมริกัน ส่วนความตายของคนอื่น ๆ เป็นเรื่องไม่จริง ไม่มีตัวตน ไม่มีคุณค่าความหมาย

จำนวนคนตาย 3,000 รายในอัฟกานิสถานไม่เคยมีการเอ่ยถึง เด็กอิรักหลายแสนคนที่ตายเพราะการคว่ำบาตรของรัฐบาลอเมริกันกับอังกฤษจนทำให้เด็ก ๆ ขาดยารักษาโรค ไม่เคยมีการเอ่ยถึง

ผลกระทบของกากยูเรเนียมที่อเมริกานำมาใช้ในสงครามอ่าว ไม่เคยมีการเอ่ยถึง ระดับของกัมมันตภาพรังสีในอิรักสูงอย่างน่าสยดสยอง ทารกเกิดมาโดยไม่มีสมอง ไม่มีนัยน์ตา ไม่มีอวัยวะเพศ ตรงที่ ๆ มีปาก หู หรือทวารหนัก สิ่งที่ไหลออกมาจากทวารทั้งหมดนี้มีแต่เลือด

คนตาย 200,000 รายในติมอร์ตะวันออกเมื่อปี ค.ศ. 1975 โดยน้ำมือของรัฐบาลอินโดนีเซีย แต่ได้รับการหนุนหลังและสนับสนุนจากอเมริกา ไม่เคยมีการเอ่ยถึง คนตาย 500,000 รายในกัวเตมาลา, ชิลี, เอลซัลวาดอร์, นิคารากัว, อุรุกวัย, อาร์เจนตินาและไฮติ ในปฏิบัติการทางทหารที่อเมริกาสนับสนุนและให้เงินอุดหนุน ไม่เคยมีการเอ่ยถึง

จำนวนคนตายเป็นล้าน ๆ ในเวียดนาม ลาวและกัมพูชา ไม่เคยมีการเอ่ยถึงมานานแล้ว สภาพชีวิตอันสิ้นหวังของประชาชนชาวปาเลสไตน์ ตัวแปรที่เป็นหัวใจสำคัญของความไม่สงบสุขในโลก แทบไม่เคยมีการเอ่ยถึง

แต่นี่ช่างเป็นการตัดสินปัจจุบันอย่างผิดพลาดและเข้าใจประวัติศาสตร์คลาดเคลื่อน ประชาชนไม่เคยลืม พวกเขาไม่เคยลืมความตายของญาติมิตร ไม่เคยลืมการทรมานและความพิการ ไม่เคยลืมความอยุติธรรม ไม่เคยลืมการกดขี่ ไม่เคยลืมการก่อการร้ายของมหาอำนาจผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่ไม่ลืม พวกเขายังตอบโต้ด้วย

วินาศกรรมครั้งร้ายแรงในนิวยอร์กเป็นเรื่องที่ไม่เหนือความคาดหมายและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ มันเป็นปฏิบัติการล้างแค้นต่ออเมริกาที่ประกาศตัวเป็นรัฐก่อการร้ายอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบมาตลอดเวลาหลายปี ในทุก ๆ ส่วนของโลก

ในอังกฤษ ประชาชนได้รับคำเตือนให้ ระมัดระวัง เพื่อเตรียมตัวรับการก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้น แค่ภาษาที่ใช้ก็บ้าบอคอแตกแล้ว การระมัดระวังจะทำได้หรือเป็นไปได้อย่างไร? คอยเอาผ้าพันคอพันปิดปากเพื่อป้องกันแก๊สพิษหรือ?

กระนั้นก็ตาม การโจมตีของผุ้ก่อการร้ายเป็นไปได้อย่างยิ่ง เพราะมันเป็นผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการที่นายกรัฐมนตรีของเราคอยทำตัวเป็นสุนัขรับใช้อเมริกาอย่างน่าดูแคลนและน่าอดสู กรณีที่เห็นได้ชัดคือ การโจมตีระบบรถไฟใต้ดินของลอนดอนด้วยแก๊สพิษของผู้ก่อการร้ายเพิ่งถูกสกัดขัดขวางไปเมื่อไม่นานมานี้

แต่ความรุนแรงเช่นนั้นอาจเกิดขึ้นจริง นักเรียนหลายพันคนที่เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินทุกวัน หากมีการโจมตีด้วยแก๊สพิษจนทำให้นักเรียนเสียชีวิต ความรับผิดชอบทั้งหมดจะต้องตกอยู่กับนายกรัฐมนตรีของเรา มิพักต้องกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่เคยเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินเลยด้วย
การวางแผนทำสงครามต่ออิรัก แท้ที่จริงก็คือการวางแผนฆาตกรรมพลเรือนหลายพันคนล่วงหน้า เพื่อช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากเผด็จการในประเทศของตัวเอง

อเมริกากับอังกฤษกำลังดำเนินไปตามเส้นทางที่รังแต่จะทำให้ความรุนแรงขยายวงออกไปทั่วโลก และถึงขั้นหายนะในท้ายที่สุด เห็นได้ชัดว่า อเมริกาอยากบุกโจมตีอิรักใจจะขาดอยู่แล้ว

ข้าพเจ้าเชื่อว่า อเมริกาทำทั้งนี้มิใช่เพียงเพื่อต้องการควบคุมแหล่งน้ำมันในอิรักเท่านั้น แต่เพราะรัฐบาลอเมริกันปัจจุบันเป็นสัตว์ป่ากระหายเลือดด้วย การทิ้งระเบิดเป็นภาษาอย่างเดียวที่มันรู้จัก เรารู้ดีว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากขยะแขยงต่อท่าทีของรัฐบาลตัวเอง แต่ดูเหมือนพวกเขาทำอะไรไม่ได้มากนัก

นอกเสียจากยุโรปจะค้นพบความสามัคคี ภูมิปัญญา ความกล้าหาญและเจตจำนงที่จะท้าทายและต่อต้านมหาอำนาจอเมริกัน มิฉะนั้นแล้ว ยุโรปจะกลายเป็นดังคำประกาศของ Alexander Herzen ที่ว่า เราไม่ใช่หมอ เราคือตัวเชื้อโรค

ฮาโรลด์ พินเทอร์ (Harold Pinter) เป็นนักเขียนบทละครร่วมสมัยชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง บทความนี้คัดมาจากคำปาฐกถาของเขา ในโอกาสเข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ที่มหาวิทยาลัยตูริน


 


 กลับหน้าแรกประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net