13 ม.ค. 2549 กว่า40 องค์กร/เครือข่ายนานาชาติร่วมลงนามในแถลงการณ์สนับสนุนการเคลื่อนไหวภาคประชาชนไทยที่ต้านการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-สหรัฐฯ พร้อมทั้งเรียกร้องให้สหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลและยกเลิกข้อเสนอในการเจรจาที่เป็นทริปส์พลัสออกทั้งหมด

วันที่11 มกราคม 2549 กลุ่มองค์กร/เครือข่ายนานาชาติได้ออกแถลงการณ์กล่าวถึงปัญหาเรื่องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของการทำเอฟทีเอ ไทย-สหรัฐ โดยเรียกร้องให้หยุดพักการเจรจาต่อรองในประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาทุกข้อที่มีลักษณะเป็นการเข้มงวดเกินเลยไปกว่าในข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา หรือที่เรียกว่าเป็นทริปส์พลัส ทั้งที่กำลังเจรจากับไทย หรือในการทำเอฟทีเอที่สหรัฐทำกับทุกที่

แถลงการณ์ดังกล่าวยังได้เรียกร้องให้เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเจรจา โดยเปิดให้มีการปรึกษาหารือกับประชาชน รวมทั้งต้องเปิดเผยข้อเสนอในการเจรจาให้สาธารณชนได้รับรู้

นอกจากนี้ในวันที่ 11 ม.ค.  2549  เวลาบ่ายโมง (ประมาณตีหนึ่งตามเวลาประเทศไทย) นักกิจกรรมสังคมในสหรัฐนำโดย  HEALTH GAP, the MOBILIZATION FOR GLOBAL JUSTICE, STUDENT GLOBAL AIDS CAMPAIGN ได้ร่วมกันเดินขบวนประท้วงไปยังหน้าสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ(USTR) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเรียกร้องให้ USTR คำนึงถึงคุณค่าชีวิตของคนที่จะต้องเข้าถึงยาจำเป็นมากกว่าผลกำไรทางการค้า

มีรายงานข่าวว่าองค์กร3D การค้า,สิทธิมนุษยชน,เศรษฐกิจเที่ยงธรรม ได้ตีพิมพ์รายงานเรื่องการค้าระหว่างประเทศ, สุขภาพและสิทธิเด็กในประเทศไทย โดยสาระสำคัญในรายงานได้ชี้ถึงปัญหาชัดเจนว่าการทำเอฟทีเอที่สหรัฐจะทำกับไทยจะทำลายศักยภาพในการจัดการดูแลสุขภาพในประเทศของไทย ในรายงานนี้ได้ย้ำเตือนถึงปัญหาเอฟทีเอที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่เฉพาะที่ไทยจะทำกับสหรัฐเท่านั้น แต่ยังรวมถึงที่ไทยกำลังจะทำกับยุโรปซึ่งมีข้อเสนอในเรื่องการรักษาข้อมูล(Data Exclusivity) นาน 10 ปี ซึ่งเป็นข้อเสนอที่เข้าข่ายทริปส์พลัสเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ยังได้มีการย้ำในสรุปของรายงานว่าสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างยิ่งคือการที่ปล่อยให้กติกาการค้ามาบ่อนทำลายสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึงสิทธิเด็กที่จะเข้าถึงบริการด้านสุขภาพต้องกระทบอย่างแน่นอน และเนื่องจากการทำความตกลงการค้าเสรีที่ไทยจะทำกับสหรัฐและยุโรปนี้เข้าข่ายการละเมิดปฎิญญาด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาติ รวมทั้งปฏิญญาสิทธิเด็กด้วย องค์กร3Dจึงจะได้นำรายงานดังกล่าวนี้เสนอต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ในวันที่ 26 มกราคม ศกนี้