Skip to main content
sharethis

นิวยอร์ก 14 มกราคม 2549 - องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ออกแถลงการณ์เรียกร้องที่มีชื่อว่า "คำสัญญาของนายกทักษิณที่จะให้ความยุติธรรมแก่ผู้ที่ถูกทำให้สูญหายยังไม่เป็นความจริง" เรียกร้องให้รัฐบาลและสังคมไทยยังคงเฝ้าติดตามการสืบสวนคดีการสูญหายของทนายสมชาย นีละไพจิตร เพื่อนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาลงโทษโดยด่วน แม้เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ศาลจะพิพากษาจำคุกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นายในข้อหาข่มขืนใจทนายสมชายโดยใช้กำลังประทุษร้ายไปแล้วก็ตาม


 


ทั้งนี้ทนายสมชาย ซึ่งเป็นประธานชมรมนักกฏหมายมุสลิม และรองประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของสภาทนายความ ถูกลากออกจากรถยนต์ของเขาในคืนวันที่ 12 มีนาคม 2547 โดยบุคคลที่เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นาย และหลังจากนั้น ทนายสมชายก็หายตัวไป ขณะที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ทนายสมชายเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปเกี่ยวข้องกับการทำทารุณกรรมชาวมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


 


เจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นายถูกจับกุม และดำเนินคดีทีเกี่ยวข้องกับการร่วมกันข่มขืนใจทนายสมชาย โดยใช้กำลังประทุษร้าย ซี่งเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ศาลอาญากลางได้พิพากษาจำคุก พ.ต.ต.เงิน ทองสุก 3 เดือนในความผิดดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เหลืออีก 4 นายที่เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ถูกยกฟ้อง เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ


 


แบรด อาดัมส์ ผู้อำนายการฝ่ายเอเซียขององค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า "คดีนี้เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายหายตัวไป และเชื่อได้ว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่เป็นเรื่องประหลาดที่ยังไม่มีใครถูกลงโทษในข้อหาความผิดที่ร้ายแรงมากกว่าการทำร้ายร่างกาย ทั้งๆ ที่เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว"


 


"การที่เจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ดังนั้น จึงไม่น่าไว้วางใจที่จะมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดในคดีนี้ต่อไป"


 


อย่างไรก็ตามหลังจากที่นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรยอมรับต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป และการเสียชีวิตของทนายสมชาย เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา


 


แบรด อาดัมส์ กล่าวว่า "ถึงแม้จะเป็นเรื่องดีที่นายกรัฐมนตรีทักษิณยอมรับว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตทนายสมชาย แต่ประเด็นนี้ก็ปรากฏชัดเจนมาตั้งแต่วันแรกที่ทนายสมชายหายตัวไปแล้ว ดังนั้น นายกรัฐมนตรีทักษิณจึงจำเป็นต้องรับประกันว่า การสืบวนต่อไปนี้จะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ใครเป็นผู้บงการการสังหารทนายสมชาย? ใครขัดขวางกระบวนการยุติธรรม? และเกิดอะขึ้นกับทนายสมชาย?"


 


ทั้งนี้ก่อนหน้าที่เขาจะหายตัวไป ทนายสมชายได้บอกกับครอบครัว และเพื่อนฝูงว่า เขาถูกข่มขู่จากการที่ไปตรวจสอบ และกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการทารุณกรรมผู้ต้องสงสัยในคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันทหารพัฒนา จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงระลอกใหม่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้


 


และเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2548 อังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของทนายสมชาย ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อคณะทำงานของสหประชาชาติเกี่ยวกับปัญหาการบังคับทำให้บุคคลสูญหาย โดยแสดงความไม่พอใจกับความล้มเหลวของทางการไทยในการแก้ไขคดีนี้


 


แถลงการณ์ขององค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุด้วยว่า มีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของครอบครัวของทนายสมชาย และผู้ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือในการต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมในคดีนี้ โดยได้รับข้อมูลว่า พวกเขาถูกข่มขู่  และติดตามมานานหลายเดือนแล้ว การคุกคามครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มกราคม หลังจากที่ภรรยาของทนายสมชายออกมาจากห้องพิจารณาคดี เธอพบว่า ไฟหน้าของรถยนต์ของทนายความที่เธอใช้ที่เดินทางมายังศาลอาญากลางถูกทุบแตก ส่วนนักสิทธิมนุษยชนก็รายงานว่า ถูกข่มขู่ทางโทรศัพท์หลายครั้งระหว่างปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์การพิจารณาคดีนี้


 


แบรด อาดัมส์ ในฐานะตัวแทนองค์กรผู้ออกแถลงการณ์กล่าวว่า "นายกรัฐมนตรีทักษิณควรมีคำสั่งอย่างเปิดเผยให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับการข่มขู่คุกคามครอบครัวของทนายสมชาย และผู้ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือในการต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมในคดีนี้ เพราะการดูแลรับรองความปลอดภัยของบุคคลเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของทางการไทย"


 


องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์พบว่า คดีของทนายสมชายเป็นกรณีเดียวที่ได้รับความสนใจจากสาธารณะ และมีการสืบสวนสอบสวนไปถึงขั้นที่มีการจับตัวผู้ต้องหา และดำเนินคดีพิพากษาในชั้นศาล ถึงแม้การดำเนินคดีดังกล่าวจะไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการหายตัวไปของทนายสมชายได้ก็ตาม ส่วนรายงานเกี่ยวกับบุคคลจำนวนมากที่ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐทำให้หายตัวไป ซึ่งเริ่มปรากฏขึ้นภายในระยะเวลาไม่กี่วันที่นายกรัฐมนตรีทักษิณเร่งรัดกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันทหารพัฒนา จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 นั้นยังคงไม่มีการดำเนินการใดๆ ที่จะช่วยให้เกิดความยุติธรรมขึ้นเลย


 


แบรด อาดัมส์ กล่าวด้วยว่า "แรงกดดันทางการเมืองที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารปราบปรามเอาชนะผู้ก่อความไม่สงบ เป็นสาเหตุทำให้ปัญหาการทำให้บุคคลสูญหาย และการสังหารที่ผิดกฏหมายเกิดเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจำเป็นจะต้องตอบคำถาม และให้ความยุติธรรมในคดีของทนายสมชาย และปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เพื่อที่จะให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เชื่อมั่นไว้วางใจในทางการไทย"


 


แถลงการณ์ขององค์การฮิวแมนไรท์วอทช์จึงเรียกร้องให้ มีการจัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาเพื่อทำการสืบสวนข้อกล่าวหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีทักษิณ และทางการไทยจะต้องเร่งรัดดำเนินมาตรการทุกอย่างที่มีความจำเป็นต่อการยุติการบังคับทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งรวมถึงการทำให้บังคับทำให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดทางอาญา


 


นอกจากนี้ ทางการไทยจะต้องรับประกันว่า บุคคลที่ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารจะต้องถูกนำตัวไปไว้ที่สถานที่เปิดเผยตรวจสอบได้ โดยจะต้องมีการแจ้งสถานที่ควบคุมตัวบุคคลเหล่านั้นให้ครอบครัว และทนายความทราบ รวมทั้งจะต้องมีหลักประกันไม่ให้มีการทารุณกรรม หรือการกระทำที่ไม่เหมาะสมใดๆ ต่อบุคคลเหล่านั้น แถลงการณ์ระบุ


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net