PSUNEWS.NET รายงาน
ประชาชนชาวลาวเตรียมใช้บริการรถโดยสารสายประวัติศาสตร์ อุบล- ปากเซ คาดแห่เข้าอุบลเพิ่มขึ้น ด้านด่านศุลกากรพิบูล เตรียมเพิ่มเวลาทำงานถึง 2 ทุ่ม วอนผู้เกี่ยวข้องเตรียมยื้อนักท่องเที่ยวให้อยู่อุบลฯนานที่สุด
นายก
ด้านการจำกัดผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวไม่เกิน 45 คนนั้น เป็นเพราะว่า จำนวนที่นั่งสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ในจำนวนเท่านั้น ซึ่งปกติรถปรับอากาศก็มีจำนวนที่นั่งประมาณนี้อยู่แล้ว ในส่วนของอัตราค่าโดยสารที่กำหนดไว้เบื้องต้นคือ 200 บาท และจ่ายเสียค่าธรรมเนียมผ่านแดนอีกประมาณ 200 บาท รวมแต่ละเที่ยวก็ต้องจ่ายประมาณ 400 บาท"
นอกจากนี้สาเหตุที่ไม่มีการรับคนตามรายทางนั้น เป็นเพราะการเดินรถครั้งนี้ เป็นรถโดยสารระหว่างประเทศต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องการทั้งสินค้าหนีภาษี การลักลอบเข้าเมือง ถ้ามีการรับคนตามรายทางแล้วก็จะทำให้การตรวจสอบยากมากขึ้น รวมทั้งเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการตามเส้นทางเดิมนั้นอยู่แล้ว
ด้านนายชยันต์ เอกะโลหิต หัวหน้าด่านศุลกากร อ.พิมูลมังสาหาร เปิดเผยว่า มีการเตรียมการรองรับคือขยายเวลาทำงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ไปจนถึงเวลา 20.00 น.ต่อคำถามถึงผลประโยชน์ที่ได้จากรถโดยสารสายนี้กับเศรษฐกิจของช่องเม็กนั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะมีผลอะไรมาก เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักคือการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศมากกว่า
"ผมคิดว่าเมื่อเริ่มเปิดเดินรถแล้วจะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในลักษณะการข้ามไปข้ามมาระหว่างไทย - ลาวมากกว่า โดยประเด็นสำคัญคือจะทำอย่างไรที่จะทำให้นักท่องเที่ยวอยู่ในจังหวัดอุบลของเราได้นานแค่ไหน ซึ่งเราต้องเตรียมการตรงนี้ไว้ด้วย"
ขณะที่ ท้าวขานคำ แก่นบุดตา รองหัวหน้าแผนกแถลงข่าวและวัฒนธรรมแขวงจำปาสัก ส.ป.ป.ลาว เปิดเผยว่า จากการที่ตนเองได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ และสื่ออื่นๆ รวมทั้งการสอบถามพี่น้องชาวลาวด้วยกันพบว่า ขณะนี้ชาวลาวมีความตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้ใช้บริการรถโดยสารเส้นนี้ เป็นเพราะว่า ที่ผ่านมา ชาวลาวก็มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้า อุปโภค บริโภคและการรักษาพยาบาลจากฝั่งไทยอยู่เป็นประจำ แต่การเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย โดยเฉพาะผ่านด่านช่องเม็กจังหวัดอุบลนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเหมารถจากฝั่งลาวเข้ามาประมาณเที่ยวละ 1,200 - 1,500-บาท แต่เมื่อมีรถโดยสารสายนี้เกิดขึ้นก็จะเป็นการประหยัดค่าเดินทางได้เป็นอย่างมาก
"นับว่าเป็นความร่วมมือด้านคมนาคมที่จะส่งเสริมด้านการค้า การท่องเที่ยวให้ดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีชาวลาวหลั่งไหลเข้ามาไทยมากขึ้น ในส่วนการท่องเที่ยวนั้นจะทำให้สามเหลี่ยมมรกตมีบทบาทมากขึ้น ส่วนประเทศไหนที่จะได้รับประโยชน์มากกว่านั้น ผมคิดว่าทั้งสองประเทศจะได้ประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่ใช้บริการโดยสารกันเป็นประจำ"
นอกจากนี้ท้าวขันคำ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวที่แขวงจำปักสักขณะนี้มีความคึกคักเป็นอย่างมาก เห็นได้จากสถิตินักท่องเที่ยวจากปี 2547 มีจำนวนประมาณ 4-5 หมื่นคน เมื่อมาในปี 2548 นี้ก็เพิ่มเป็นหนึ่งแสนถึงแสนสามหมื่นคนแล้ว โดยคาดว่าเมื่อมีรถโดยสารสายนี้แล้ว จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวลาวถึง 2 แสนคน ทั้งนี้ในวันเปิดปฐมฤกษ์นั้นตนอยากขอเรียนเชิญสื่อมวลชนของจังหวัดอุบลได้ร่วมเดินทางเข้าไปเที่ยวในประเทศลาว ซึ่งตนยินดีต้อนรับทุกท่านรวมทั้งประชาชนนักเที่ยวของจังหวัดอุบลด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากลงนามสัญญาแล้ว จะเริ่มเปิดเดินรถเที่ยวปฐมฤกษ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 โดยการเดินรถจะออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสรของทั้งจังหวัดอุบลราชธานี และแขวงจำปาสัก ในเวลา 07.00 น.และ 09.00 น. และเที่ยวเย็นในช่วงเวลา 15.00 น. และ 15.30 น. ซึ่งรถนั้นจะเป็นรถปรับอากาศทั้งหมด
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)