Skip to main content
sharethis


 



ภาพจาก
http://www.becnews.com/backissue/hot-news/2005_09_01_news.html


 


เมื่อวันที่ 25 ม.ค. นายสุรนันทน์ เวชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่มีหนังสือถึงบริษัท กสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้ดำเนินการตัดสัญญาณ ASTV 1 ที่จะถ่ายทอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ภาคพิเศษ ที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา วานนี้ (24 ม.ค.) ว่า เป็นนโยบายเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายซึ่งทำกับทุกรายการ ไม่ใช่เน้นแค่รายการของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยสัปดาห์ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเราตรวจพบ เช่น หาก กสท ไปทำสัญญากับใครหรือว่ามีอะไรที่ดูแล้วว่าผิดกฎหมาย ทางกรมประชาสัมพันธ์ก็มีหน้าที่ตักเตือนไป ส่วน กสท จะตัดสินใจอย่างไรก็เป็นสิทธิของ กสท


 


ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการปิดเว็บไซต์ผู้จัดการอย่างถาวร นายสุรนันทน์ กล่าวว่า คงจะไม่มีการปิดเว็บไซต์ใดๆ โดยเฉพาะ แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนโยบายด้านสังคมที่รัฐบาลกำลังติดตามอยู่ด้วย คือมีหลายเว็บไซต์ที่มีเรื่องเกี่ยวกับการกระจายภาพเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ก็มีเว็บไซต์อีกหลายแห่งที่มีการกระจายเสียงและกระจายภาพ เช่น วิดีโอคลิป หนังลามก ฯลฯ เพราะฉะนั้น หากจะกำจัดสิ่งที่ไม่ดีในอินเทอร์เน็ตก็มีการพิจารณากันว่า หากเป็นเรื่องการกระจายเสียงจะเข้าข่าย พ.ร.บ.วิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ตนขอให้ฝ่ายกฎหมายกรมประชาสัมพันธ์ ได้ประสานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ถ้าพบว่าเป็นส่วนที่ผิดกฎหมายก็จะต้องบังคับใช้กฎหมาย แต่หากตีความแล้วว่าไม่ใช่ก็คงจะเป็นเรื่องของกระทรวงไอซีที ส่วนจะแล้วเสร็จและได้ข้อสรุปเมื่อใดนั้นกำลังอยู่ในขั้นหารือกัน


      


"ขณะนี้ฝ่ายเทคนิคใน 2 หน่วยงานกำลังหารือกันอยู่ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรีบร้อน เพราะหากรีบดำเนินการก็จะถูกกล่าวหาว่ารีบร้อน คือไปกันคนนั้นคนนี้ แต่บอกว่ามีลำดับความสำคัญหรือไม่ เชื่อว่ามี เพราะนโยบายด้านสังคมของรัฐบาลมีความชัดเจน"


 


ด้าน น.ส.กนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท อินเทอร์เน็ตโซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ หรือ ไอเอสเอสพี ในฐานะผู้ให้บริการเชื่อมสัญญาณโครงข่ายแก่เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (www.manager.co.th) ว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯ ยังไม่ได้รับเอกสารหรือคำสั่ง ให้ดำเนินการปิดระงับสัญญาณ หรือบล็อกเว็บไซต์ผู้จัดการจากทาง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) แต่อย่างใด และการปิดการให้บริการได้นั้น จะต้องมีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน ไม่สามารถโทรศัพท์แจ้งด้วยวาจา พร้อมกับจะต้องบอกเหตุผล มีรายละเอียดในการปิดที่ชัดเจนที่จะให้บริษัทดำเนินการ


              


ส่วนกรณีการที่มีผู้บริหารระดับสูงของ กสท ติดต่อให้ปิดเว็บไซต์นั้น น.ส. กนกวรรณกล่าวว่า เป็นการโทรศัพท์เข้ามาสอบถามรายละเอียดข้อมูล และสัญญาระหว่างไอเอสเอสพี กับทางผู้จัดการ ว่าให้บริการอะไรบ้าง ซึ่งได้ชี้แจงถึงข้อตกลงว่า ไอเอสเอสพีเป็นเพียงผู้ให้เช่าพื้นที่ข้อมูลสำหรับให้บริการเว็บไซต์ และให้บริการเช่าช่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่การที่เว็บผู้จัดการจะให้บริการในลักษณะใดนั้นเป็นเรื่องของผู้เช่ามากกว่า


      


ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า การพยายามปิดเว็บไซต์ "ผู้จัดการออนไลน์" ของกรมประชาสัมพันธ์ น่าจะไม่ใช่เป็นความคิดของกรมประชาสัมพันธ์ แต่น่าจะเป็นการสั่งการหรือเปิดไฟเขียวจากคนในรัฐบาลให้กรมประชาสัมพันธ์ทำหนังสือถึงบริษัท อินเทอร์เน็ต เซอวิส โพรวายเดอร์ จำกัด หรือ ISSP ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าสัญญาณโครงข่ายแก่เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ทั้งๆ ที่กรมประชาสัมพันธ์ไม่มีอำนาจหน้าที่ในด้านนี้ ทั้งนี้ ทางกรมประชาสัมพันธ์เองต้องระวัง เนื่องจากอาจถูกร้องว่าเป็นการกระทำที่ใช้อำนาจหน้าที่ไม่ชอบ


      


"ถ้าหากว่าเนื้อหาของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ได้สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือไปละเมิดสิทธิส่วนตัวของใครก็ตาม ผมคิดว่าผู้ถูกละเมิดก็ใช้อำนาจศาลในการตรวจสอบและเอาผิดได้ แต่ไม่ใช่วิธีการแบบนี้ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการทีก้าวร้าว เกินขอบเขต" เลขาฯ ครป.กล่าว


      


นายสุริยะใส ยังระบุว่า การกระทำดังกล่าวเท่ากับเป็นการไล่ปิดหูปิดตาประชาชน ตนเรียกร้องให้สังคมต้องจับตาการกระทำของรัฐบาลที่พยายามจะสกัดกั้นและล้มกิจกรรมของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ที่นัดชุมนุมในวันที่ 4 ก.พ.นี้


      


ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปิดเว็บไซต์ "ผู้จัดการออนไลน์" ว่า ในแง่ของการปิดเว็บไซต์แห่งใดแห่งหนึ่ง ตามกระบวนการของการพิจารณาจะต้องมีความรอบคอบ เพราะว่าเว็บไซต์นั้นจะต้องเข้าข่ายในลักษณะที่มีการกำหนดไว้ คือ เรื่องที่เกี่ยวข้องการกับเผยแพร่สิ่งที่ผิดกฎหมาย เช่น เว็บไซต์ลามก อนาจาร หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ


      


"เพราะฉะนั้น คงไม่ใช่จู่ๆ จะมีการปิดเว็บโดยไม่มีการตรวจสอบเกี่ยวกับปัญหาที่มีผลกระทบ การตัดสินใจทำอะไรก็ต้องมีการพิจารณาและมีคณะกรรมการที่มาพิจารณาอีกชั้นหนึ่ง เรื่องที่ว่าจะมีการปิดเว็บไซต์ผู้จัดการ ผมยังไม่รู้เลยว่ามีเรื่องนี้" โฆษกรัฐบาล กล่าว


 


........................................................


เรียบเรียงจาก : ผู้จัดการออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net