วันพุธที่ 25 มกราคม 2006 19:04น.
ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
การที่มีผู้อ้างเป็นตัวแทนขบวนการการพูโล ประกาศยุติบทบาทการต่อสู้เพื่อเอกราชปัตตานี และพร้อมจะเจรจากับรัฐบาลบาลไทยเพื่อให้พื้นที่ชายแดนภาคใต้เกิดความสงบสุข ในความเห็นของปัญญาชนในพื้นที่ ซึ่งอยู่กับสถานการณ์ความไม่สงบมาอย่างยาวนาน พวกเขามีความเห็นที่น่าสนใจ ทั้งที่เชื่อว่าเป็นเจตนารมณ์ของขบวนการพูโลจริง รวมทั้งมีผู้ที่เชื่อว่านี่คือการฉกฉวยโอกาส
ผศ.
"ต่อสู้กันมาขนาดนี้ คิดว่าพูโลคงไม่คิดจะเจรจามากกว่า จากข่าวที่ลงในเวบไซต์พูโล ก็ดูเหมือนว่าจะสนับสนุนให้ก่อความไม่สงบ และด่ารัฐบาลแรงๆ อยู่ดีๆจะมาเจรจาได้อย่างไร ดำเนินการมานานแล้ว ไม่มีนัยอะไรบ่งบอกว่าอยากเจรจา"
นอกจากนี้ เธอยังให้ความเห็นว่า การออกมาแสดงท่าทีว่าต้องการเจรจาของขบวนการพูโลครั้งนี้ ติดต่อผ่านใคร คนติดต่อเป็นใคร อาจจะเป็นเพียงสมาชิกซึ่งไม่ใช่ผู้นำกลุ่มที่แท้จริง อาจเป็นแค่การพบปะสมาชิกพูโลเท่านั้น
"ต้องชัดเจนว่าจะเจรจากับใคร ถ้าไม่ใช่ระดับแกนนำก็ไม่มีประโยชน์ ที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ก็ตอบถูกแล้ว เพราะมันไม่มีความชัดเจน อุดมการณ์ตรงไหน ทำแบบลับๆล่อๆ บางเหตุการณ์ออกมายอมรับว่าทำบ้างไม่ทำบ้าง เรื่องอย่างนี้ต้องให้ชัดเจนว่าใครขอเจรจา ผ่านใคร"
เช่นเดียวกับแนวความคิดของ นาย
"ขบวนการพูโลมีอุดมการณ์อยู่ 6 ไม่ เช่นไม่ร่วมมือกับราชการ ไม่อพยพโยกย้าย และที่สำคัญคือ ไม่เจรจา โดยส่วนตัวคิดว่าพูโลเก่งด้านเทคนิค ถือโอกาสครั้งนี้มาสร้างราคาให้กับกลุ่มพวกเขาเอง การปฏิเสธ แม้ว่าจะไม่มีการเจรจาจริง ก็ถือว่ารัฐทำถูกต้อง เพราะไม่รู้ว่าจะเจรจากับใคร"
รองอธิการบดี ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ลักษณะการเจรจานี้ไม่รู้ว่าใคร จับต้องไม่ได้ กลุ่มปฏิบัติค่อนข้างใหม่ ซึ่งอยู่ภายใต้อาณัติของรัฐไทย ไม่ควรจะคุยกันง่ายๆจนกว่าจะหยุดจริงๆ แต่กลุ่มนี้ไม่หยุด เพราะไม่ใช่ระดับแกนนำ
"ข้อต่อรอง น้ำหนักในเชิงการเคลื่อนไหว มองว่าอ่อน อยากต่อรองโดยยื่นข้อเสนอให้ถอนกำลังทหาร แล้วมาขอในช่วงที่รัฐบอกว่ารัฐได้เปรียบ ไม่รู้ว่าใคร ของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ซึ่งเรื่องนี้ อีก 2-3วัน สามารถเช็คได้ไม่ยาก ว่ากระแสข่าวมาจากไหน น่าจะเป็นแท็คติคอะไรสักอย่าง ข้องใจว่าจริงหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆไม่ใช่แก่นของขบวนการแน่นอน"นายวรวิทย์วิเคราะห์ก่อนที่จะสรุปว่า
"การเจรจานั้นดี เพราะแสดงให้เห็นถึงสันติวิธี โดยส่วนตัวเห็นด้วย และต้องเจรจาในระบบทางกฎหมาย แต่ถ้าไม่ชัดเจนว่ากลุ่มไหน ก็ไม่ควรเจรจา เพราะเป็นเรื่องเกียรติภูมิ"
นาย
"สาเหตุที่ทางขบวนการพูโลต้องการจะเจรจานั้น อาจจะมาจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ไม่สามารถหาต้นตอของผู้ก่อความไม่สงบได้ ความสูญเสียเกิดขึ้นทั้งพุทธ มุสลิม การเจรจาจึงเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง รัฐควรนั่งเจรจาไม่ใช่มุ่งแต่จะเอาชนะ ส่วนเจรจาแล้ว สถานการณ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้จะสงบเลยหรือไม่นั้น ต้องใช้เวลาพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาลและขบวนการพูโล"นายอัฮหมัดสมบูรณ์กล่าวและว่า
"ผมเห็นด้วยถ้าการเจรจาเกิดขึ้น ไม่ว่ากลุ่มไหนก็ตาม แต่ต้องตั้งอยู่บนศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน"
ขณะที่ นาย
"ไม่ควรพูด เรื่องอย่างนี้ต้องพูดทางลับ พูดออกสื่อในทางการเมืองถือว่าเป็นผลเสีย ในขณะที่การออกมาของพูโล เป็นเพียงเทคนิคของขบวนการใต้ดินทั่วไป ที่เปิดเวทีให้เจรจา เพื่อสร้างระดับองค์กรเท่ากันแล้วสามารถทำให้รัฐเจรจา เป็นการรุกทางการเมือง แย่งชิงพื้นที่ให้องค์กรสากลเห็นว่ามีตัวตน และมีสถานภาพเท่าเทียมกับรัฐ เทคนิคอย่างนี้เป็นธรรมชาติของขบวนการใต้ดินอยู่แล้ว"
อดีตประธานสหพันธ์ครู วิเคราะห์ว่า ตามปกติการเจรจาจะทำแบบลับๆใต้ดิน จนกว่าจะมีความชัดเจนว่าเป็นผลบวกกับประเทศแล้วจึงจะออกมาพูดกับสื่อ การพูดเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องของความมั่นคงแต่เป็นเรื่องของนักธุรกิจ
ทั้งนี้ นาย