Skip to main content
sharethis


 


โดย สุทธิดา มะลิแก้ว


 


เสร็จสิ้นกันไปแล้วกับการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของปาเลสไตน์ที่เกิดการพลิกความคาดหมายอย่างยิ่ง เมื่อ กลุ่มฮามาสที่เคยเป็นกลุ่มใต้ดินหรือมักถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มหัวรุนแรงได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายเหนือพรรค ฟาตาห์ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเดิมและเป็นพรรคเดียวกับประธานาธิบดี มาห์มูด อับบาส


 


กลุ่มฮามาสเป็นกลุ่มใต้ดินที่ประกอบด้วยกลุ่มต่างๆ อย่างเช่นมูจาริดิน มูจาฮีดิน อิสลามิกจีฮัด เป็นกลุ่มที่ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านอิสราเอล โดยมีผู้นำกลุ่มในปัจจุบันคือ ฮิสมาอิล ฮานียะห์ และเป็นกลุ่มที่เป็นต้นตำรับในเรื่องของระเบิดพลีชีพ  ส่วนกลุ่มฟาตาห์นั้น เรียกว่าเป็นกลุ่มรักเสรีภาพ และแสวงหาสันติภาพ


 


ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตามรายงานข่าวบอกว่าเป็นการเลือกตั้งที่จัดขึ้นมาอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมยิ่ง ไม่มีรายงานการโกงการเลือกตั้งแต่อย่างใด มีเพียงความเข้มงวดมากๆ ของอิสราเอลในเขตเมืองเก่าเยรูซาเล็มเท่านั้น เป็นการเลือกตั้งที่แย่งชิงที่นั่งในสภา 132 ที่นั่ง โดยมีผู้มาใช้สิทธิมากถึง 77. 7% ในที่สุดผลที่ออกมาขัดแย้งกับเอ็กซิท โพลล์ อย่างสิ้นเชิง เมื่อการนับคะแนนสิ้นสุดลงพบว่า ฮามาสได้รับเลือกถึง 76 ที่นั่งหรือเกินกึ่งหนึ่งของที่นั่งทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีอีก 4 ที่นั่งที่เป็นของผู้สมัครอิสระซึ่งว่ากันว่า มีความใกล้ชิดกับทางกลุ่มฮามาสมากกว่าฟาตาห์


 


การที่กลุ่มฮามาสได้รับการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในครั้งนี้นั้น มีหลายฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศตะวันตกและอิสราเอลกำลังกังวลใจเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องสันติภาพในตะวันออกกลางจะเป็นเช่นไร


 


ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ของสหรัฐฯอเมริกาประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เมื่อเห็นแนวโน้มการมีชัยชนะของฮามาสว่า จะไม่ยอมรับนักรบกลุ่มนี้จนกว่าจะยอมรับการมีอยู่ของอิสราเอล และจะไม่ยอมติดต่อกับพรรคที่เรียกร้องให้มีการทำลายล้างอิสราเอล


 


ทางสหภาพยุโรปเองก็ออกมาบอกเพื่อเป็นการกันเอาไว้ก่อนว่า ฮามาสจะต้องประณามการใช้ความรุนแรง ซึ่งหมายถึงให้ยอมรับว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง และจะไม่ทำร้ายอิสราเอล


 


ในขณะที่ทางฝ่ายอิสราเอลเองแม้จะยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมาอย่างชัดเจนนัก แต่ นายอีฮุด โอลเมิร์ต รักษาการนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ก็ประกาศว่ารัฐบาลอิสราเอลจะไม่ยอมเจรจาสันติภาพภายใต้แผนโร้ดแมฟของนานาชาติร่วมกับรัฐบาลปาเลสไตน์ที่ไม่ต่อต้านการก่อการร้ายและปลดอาวุธบรรดานักรบหัวรุนแรง


 


ในขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่จากพรรคลิคุตซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของอิสราเอลปัจจุบันกล่าวว่า ชัยชนะของฮามาสในครั้งนี้เป็นผลโดยตรงจากการที่อิลราเอลยอมถอนตัวออกจากฉนวนกาซาเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา* และปาเลสไตน์นั้นรู้ดีว่าการก่อการร้ายและการใช้ความรุนแรงเท่านั้นคือหนทางสู่ชัยชนะทางการเมือง


 


อย่างไรก็ดี ทางฮามาสได้ออกมาวิเคราะห์ชัยชนะครั้งนี้ว่า ในช่วงหลังๆ ประชาชนชาวปาเลสไตน์นั้นเบื่อหน่ายเรื่องของการคอรัปชั่นของรัฐบาลที่อยู่ใต้การนำของพรรคฟาตาห์และองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์จนทำให้คะแนนนิยมตกต่ำลงและประชาชนนั้นชอบการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันของกลุ่มฮามาสมากกว่า


 


สิ่งที่ยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลยิ่งต่อเรื่องสันติภาพตะวันออกกลางในครั้งนี้ก็คือ ทางผู้นำของฮามาสเองก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "มีจุดยืนในเรื่องที่จะไม่เจรจาสันติภาพมาตั้งแต่ต้น และก็ไม่อยากหลอกลวงประชาชนว่ามีกระบวนการเหล่านี้ และยังกล่าวต่ออีกว่า เรื่องความรุนแรงทั้งกลายที่เกิดขึ้นนั้น เป็นยิวที่เริ่มก่อน ฮามาสทำไปเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น"


 


สำหรับผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นนี้ อับบาส ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันซึ่งอยู่คนละฝ่ายกับกลุ่มฮามาสยังไมได้มีท่าทีชัดเจนว่าจะทำเช่นไร เพราะถึงแม้ว่า กลุ่มฮามาสจะได้เสียงข้างมากแต่โดยระบบแล้วเขาไม่จำเป็นจะต้องหลุดพ้นจากตำแหน่งโดยอัตโนมัติ  และกล่าวว่าคงจะให้กลุ่มฮามาสจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งขณะนี้ทางนายกรัฐมนตรีอาหมัด กูเรีย ก็ได้แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งแล้วเพื่อให้กลุ่มฮามาสได้จัดตั้งรัฐบาล


 


อย่างไรก็ดี อับบาส ก็บอกว่าเขาจะร่วมกับองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์เดินหน้าต่อไปในการนำเนินนโยบายตามแผนสันติภาพและหากไม่ผลสำเร็จเขาคงจะต้องลาออก


 


มีสิ่งที่สะท้อนออกมาจากผลการเลือกตั้งในครั้งนี้อีกประการหนึ่งก็คือ เรื่องของระบอบประชาธิปไตย ที่ในที่สุดแล้วประชาชนชอบแบบไหนก็เป็นไปทางนั้น การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยนั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องได้ตัวเลือกที่ดีที่สุดตามมาตรฐานสากล  ครั้งนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง เพราะแม้ว่าทั่วโลกจะประณามการกระทำการก่อการร้ายหรือประณามความรุนแรง แต่ที่สุดแล้วกลุ่มฮามาส ผู้ที่ถูกประณามมาตลอดในเรื่องของการใช้ความรุนแรงก็กลับโดนใจชาวปาเลสไตน์


 


มีสิ่งที่น่าติดตามต่อไปหลังจากการเลือกตั้งก็คือ การที่ได้กลุ่มก่อการร้าย หรือกลุ่มที่ไม่เชื่อในเรื่องของสันติภาพเข้ามาเป็นรัฐบาล กระบวนการสันติภาพจะดำเนินไปในแนวใด ซึ่งก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ตอนนี้กลุ่มฮามาส ได้กลายมาเป็นตัวจักรสำคัญในเรื่องของสันติภาพตะวันออกกลาง


 


ส่วนอีกประเด็นหนึ่งก็คือ เรื่องของการบริหารประเทศว่าจะเป็นเช่นไร ในเมื่อกลุ่มฮามาสนั้นเป็นกลุ่มที่สู้รบแบบกองโจรหรืออยู่ใต้ดินมาโดยตลอด จะเข้ามาบริหารประเทศในลักษณะใดซึ่งน่าจับตามองยิ่ง แต่ที่แน่ๆ กลุ่มฮามาสคงต้องสร้างความสงบในปาเลสไตน์เสียก่อน เพราะทันที่มีการประกาศชัยชนะของกลุ่มฮามาส บรรดาเหล่าผู้สนับสนุนก็ออกมาแห่พร้อมปักธง แต่ก็ได้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นระหว่างฮามาสกับฟาตาห์ที่เมืองรามาเลาะห์เสียแล้ว


 


กระนั้นความหวังก็อาจยังมีอยู่บ้างว่า การที่กลุ่มใต้ดินได้ขึ้นมาอยู่ข้างบนนั้น ถึงแม้ขณะนี้ทุกฝ่ายยังแข็งขืนว่าจะไม่เจรจา แต่นี่ก็อาจจะเป็นโอกาสให้มีการปรากฏตัวและจับต้องได้มากขึ้นของกลุ่มใต้ดิน ที่สุดแล้วก็จะนำมาสู่โต๊ะเจรจาได้ง่ายขึ้นก็ได้ ดังที่เกิดขึ้นแล้วกับ อาเจ๊ะห็ และไอร์แลนด์เหนือ


 


--------------------------------------------------------------------------


* หมายเหตุ : อ่านเรื่องเกี่ยวเนื่องจากบทวิเคราะห์  " สันติภาพตะวันออกกลางกับรอยร้าวในใจยิว", ประชาไท 18 สิงหาคม 2548 (http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=448&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai )


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net