Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ภาคประชาชนต้องสร้างแนวร่วมระหว่างเมืองกับชนบทในเรื่องไข้หวัดมรณะ โอกาสทองที่จะเสริมความสามัคคีระหว่างส่วนต่างๆ ในภาคประชาชนไทย คืองานสมัชชาสังคมโลกที่จะจัดในไทยปลายเดือนตุลาคมปีนี้


 

ขณะนี้เราทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับภัยไข้หวัดมรณะที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า สิ่งแรกที่พวกเราต้องทำความเข้าใจคือ "ไข้หวัดนก" กับ "ไข้หวัดมรณะ" มันต่างกัน เพราะในกรณีไข้หวัดมรณะ มันจะมีการแพร่เชื้อระหว่างคนอย่างรวดเร็ว และตัวเชื้อจะไม่เหมือนไข้หวัดนก H5N1 ปัจจุบัน

 

ที่สำคัญคือรัฐบาลไม่ยอมเผยแพร่ข้อมูลและไม่มีแผนจะป้องกันคนธรรมดา ดังนั้นนักเคลื่อนไหวในสหภาพแรงงาน และกลุ่มต่างๆ ในภาคประชาชนไทยควรทราบข้อมูลเกี่ยวกับภัยจากไข้หวัดมรณะ เพื่อเป็นโอกาสที่เราจะมารวมตัวกันป้องกันประชาชนส่วนใหญ่ ข้อมูลสำคัญมีดังนี้

 

1. ไข้หวัดนก H5N1 (Avian Influenza) เป็นกลุ่มโรคไข้หวัดที่เกิดจากไวรัสในสัตว์ปีก ส่วนใหญ่มนุษย์ติดไวรัสไข้หวัดนกยาก ถ้าไม่เข้าใกล้นกหรือถ้ากินไก่ที่ทำให้สุกแล้ว แต่ปัญหาคือ มันจะแปรตัวจากเดิม ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เช่นในองค์กรอนามัยโลก (WHO) มั่นใจว่าในเร็วๆ นี้ ไข้หวัดนกจะผสมพันธุ์หรือแปรตัวไปเป็นไข้หวัดมรณะที่ติดต่อระหว่างคนได้ และมนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่มีภูมิต้านทาน จะมีอัตราการตายสูงถ้าป่วย อาจถึง 50% ได้ จำนวนผู้ป่วยจากไข้หวัดมรณะทั่วโลกจะสูงมาก เป็นล้านๆ คน ในไทยตัวเลขจากกระทรวงสาธารณสุขและองค์กร WHO จะต่างกัน เพราะรัฐบาลไทยพยายามประเมินต่ำเพื่อให้ดูดี แต่จำนวนคนป่วยคงระหว่าง 6.5 ล้านคน (ตัวเลขกระทรวง) ถึง 15 ล้านคน (ตัวเลข WHO) โดยมีคนตาย 3.5ล้านถึง 17.5 ล้านคน  ถ้าไม่มียา และดูเหมือนยาจะไม่พอแน่

 

2. ไวรัสไข้หวัดเป็นไวรัสที่แปรพันธ์วิวัฒนาการได้อย่างรวดเร็ว เพราะการแปรพันธุ์เป็นยุทธศาสตร์ของไวรัสในการเอาชนะระบบภูมิต้านทาน นอกจากการแปรพันธุ์เอง ไวรัสไข้หวัดทุกชนิดสามารถจะผสมพันธุ์กับไวรัสไข้หวัดชนิดอื่นในสัตว์ต่างๆ ได้ ที่อันตรายคือสัตว์ที่มีร่างกายคล้ายมนุษย์ เช่นหมู บางครั้งการผสมพันธ์อาจเกิดในมนุษย์เอง

 

ในหลายประเทศของเอเซีย มีการเลี้ยงไก่และหมูในระบบอุตสาหกรรม ซึ่งสัตว์เลี้ยงแบบอุตสาหกรรมไม่มีภูมิต้านทานธรรมชาติ การเลี้ยงสัตว์แบบนี้ภายใต้อิทธิพลกลุ่มทุนใหญ่อย่างบริษัท C.P. และบริษัทเกษตรอื่นๆ เพิ่มความเสี่ยงกับเราทุกคนทั่วโลก ขณะนี้เราไม่สามารถกำจัดเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ออกจากระบบสิ่งแวดล้อมในโลกได้ และการฉีดวัคซีนให้ไก่ไม่ใช่ทางออก เพราะไก่ที่ฉีดยาแล้วอาจไม่ป่วย แต่ยังแพร่เชื้อได้ นอกจากนี้นกที่ติดเชื้อแล้วหายป่วยสามารถแพร่เชื้อไวรัสผ่านขี้และน้ำลายเป็นเวลา 10 วันหลังจากที่เลิกมีอาการได้

 

3. การแพร่ระบาดร้ายแรง (Pandemic) ของไวรัสไข้หวัดมรณะในมนุษย์ เคยเกิดขึ้นเป็นประจำในประวัติศาสตร์ ในรอบร้อยปีที่ผ่านมา มีการแพร่ระบาดร้ายแรงของไข้หวัดมนุษย์ 3 ครั้งคือ (1) ในปี 1918 "ไข้หวัดใหญ่สเปน" ฆ่าคนทั่วโลก 50-100 ล้านคน (2) ในปี 1957 "ไข้หวัดใหญ่เอเชีย" ฆ่าคนทั่วโลก 1-2 ล้านคน และ (3) ในปี 1968 "ไข้หวัดฮ่องกง" ฆ่าคนทั่วโลกถึง 1-2 ล้านคนเช่นกัน ไข้หวัดมรณะรอบต่อไปอาจร้ายแรงเท่ากรณีปี 1918

 

4. ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่า วิธีควบคุมไข้หวัดนก H5N1 ที่ดีที่สุด คือการฆ่าฝูงไก่หรือเป็ดทั้งหมดในเขตที่โรคเริ่มระบาด และการเผาศพนกที่ถูกฆ่า เวลาบริโภคไก่และไข่ ต้องปรุงด้วยความระมัดระวัง ต้องล้างมือให้สะอาดหลังเตรียมอาหารและอาหารต้องสุก ไก่ที่ตายจากโรคไม่ควรรับประทาน คนงานในโรงงานผลิตอาหารควรมีมาตรการความปลอดภัยสูง และควรมีสหภาพแรงงานที่เข้มแข็งเพื่อดูแลความปลอดภัยของสมาชิก

 

ในเรื่องการกำจัดไก่กับเป็ด ถ้าจะทำได้จริง รัฐบาลต้องให้ค่าชดเชยแก่เกษตรกรในอัตรามูลค่าจริง และจะต้องไม่มีนักการเมืองและผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นที่ใช้อำนาจฝ่าฝืนกฏหมายได้ ทั้งสองเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ในไทยที่รัฐบาลยังไม่แก้ไข

 

นอกจากนี้การโทษเกษตรกรรายย่อยว่าเป็น "ปัญหา" โดยอ้างว่าฟาร์มปิดของบริษัทกลุ่มทุนใหญ่ "ปลอดภัย" ไม่เป็นความจริง ต้นเหตุของการแพร่ระบาดแต่แรกของไข้หวัดนก มาจากการผลิตอาหารในรูปแบบอุสาหกรรม และฟาร์มปิดในเวียดนามมีไข้หวัดนกระบาด ดังนั้นภาคประชาชนในเมืองและชนบทต้องรวมตัวกันปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรรายย่อยและกรรมกรหรือลูกจ้างในสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาหาร

 

5. ทุกประเทศจะได้ผลกระทบจากการแพร่ระบาดร้ายแรงของไข้หวัดมรณะ การปิดพรมแดน และการจำกัดการเดินทาง จะป้องกันการระบาดไม่ได้ ในยุคที่มีการขนส่งทางอากาศการแพร่ระบาดทั่วโลกเกิดขึ้นได้ภายใน 3 เดือน และในประเทศที่มีชุมชนแออัดจะมีการระบาดอย่างรวดเร็วผ่านหยดน้ำจากการไอหรือจาม อาการของไข้หวัดมรณะคงจะคล้ายๆ ไข้หวัดใหญ่ธรรมดา ในขั้นตอนแรกคือไข้สูง เจ็บคอ ไอ จาม และจะเริ่มมีปัญหาในการหายใจ ต่อมามีอาการปอดบวม เลือดออกทางปากและจมูก และในที่สุดจะตายถ้าไม่รีบรักษา ปัญหาใหญ่คือคนที่ยังไม่แสดงอาการสามารถแพร่เชื้อได้ ซึ่งไม่เหมือนกรณีโรคซาร์ส การสวมหน้ากากและการล้างมือด้วยสบู่เป็นประจำอาจช่วยได้บ้าง

 

6. ประชาชนจำนวนมากจะป่วยหนักเพราะไม่มีภูมิต้านทานตามธรรมชาติ และประเทศส่วนใหญ่ในโลก รวมถึงไทย จะไม่มีบุคลากร เครื่องมือทางแพทย์ และเตียงนอนในโรงพยาบาลเพียงพอ และที่สำคัญคือยารักษาและป้องกันจะมีไม่พอ องค์กรอนามัยโลก WHO เสนอว่าทุกประเทศควรมียาฆ่าไวรัส Oseltamivir สำหรับ 25% ของประชากร ซึ่งในกรณีไทยคือ 17.5 ล้านคน และถ้าคำนวณดูจากจำนวนเม็ดยาที่ต้องรับประทาน (คนละ 10 เม็ดในเวลา 5 วัน) ประเทศไทยจะต้องมียานี้ 175 ล้านเม็ดถึงจะเพียงพอ แต่รัฐบาลไทยมีแผนจะผลิตแค่ 1 ล้านเม็ดเอง

 

ในเมื่อยาไม่พอ คำถามใหญ่คือ ใครจะได้ยา? และจะมีการแจกจ่ายอย่างเป็นธรรมและด้วยเงื่อนไขและความโปร่งใสหรือไม่? ถ้าดูพฤติกรรมของชนชั้นปกครองไทยเรา คงมั่นใจได้ว่า เขาจะเก็บยาไว้ใช้เองและไว้แจกจ่ายให้ทหารและตำรวจก่อน เพื่อปกป้องอภิสิทธิ์ของเขา เขาจะพยายามควบคุมเรา และเราจะต้องเสี่ยงตายเพราะคนส่วนใหญ่จะไม่มียา

 

7. ยาที่จะใช้ในกรณีไข้หวัดใหญ่ระบาดร้ายแรงมีสองชนิดคือ วัคซีน กับยาฆ่าไวรัส วัคซีนเป็นยาที่ผลิตขึ้นได้ต่อเมื่อเราทราบลักษณะของเชื้อไวรัสใหม่ที่วิวัฒนาการขึ้นมา เพราะวัคซีนผลิตจากตัวเชื้อที่ไร้ "พิษ" แล้วนำมาฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อกระตุ้นภูมิต้านทาน ซึ่งคาดว่าอย่างเร็วที่สุดจะผลิตวัคซีนชุดแรกหลังเชื้อใหม่เริ่มระบาดประมาณ 6 เดือน แต่ประเทศไทยยังไม่มีแผนชัดเจนว่าจะเตรียมผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดพันธุ์ใหม่เมื่อมันเริ่มระบาดเลย

 

ยาชนิดที่สองที่ใช้ได้คือยาฆ่าไวรัส ซึ่งตอนนี้ยา Oseltamivir ที่ผลิตโดยบริษัท Roche ภายใต้ชื่อ Tamiflu เป็นยาที่ใช้ได้ผลกับไวรัส H5N1 (ถ้าเริ่มใช้ภายใน 72 ชม. ของการเริ่มมีอาการ) ปัญหาคือขณะนี้บริษัท Roche ไม่มีความสามารถพอที่จะผลิตยาในปริมาณเพียงพอสำหรับประชาชนโลก แต่ยังพยายามปกป้องลิขสิทธิ์ผูกขาดในการผลิตยา

 

ยิ่งกว่านั้นรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ Donald Rumsfeld ถือหุ้นเป็นล้านๆ ดอลลาร์ในบริษัทไปโอเทคชื่อ Gilead Sciences ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ Tamiflu และคาดว่าการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นใน Gilead Sciences อันเนื่องมาจากภัยไข้หวัดนก ทำให้ Rumsfeld รวยขึ้นอีก $1 ล้าน ในส่วนของรัฐบาลไทย ไม่มีแผนจะให้องค์กรเภสัชกรรมผลิตยาในจำนวนเพียงพอทั้งๆ ที่เงิน 70,000 ล้านบาทของครอบครัวทักษิณ ที่ได้จากการขายหุ้นจะเพียงพอต่อการผลิตยาสำหรับเราทุกคนและทุกคนในประเทศเพื่อนบ้านที่ยากจนอีกด้วย

 

8. ในเมื่อมีการป่วยและล้มตายในจำนวนมาก การแพร่ระบาดจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมสูง การแพร่ระบาดอาจมาเป็นรอบๆ สองถึงสามครั้งอีกด้วย และแต่ละรอบอาจมีผลแตกต่างกัน แต่ผลกระทบจะสูงสุดถ้าคนทำงานในระบบสาธารณสุข พลังงาน และการขนส่งป่วยหนักหรือไม่ยอมมาทำงานเพราะกลัวติดเชื้อ การป้องกันตัวที่อาจใช้ได้คือการปิดงานไม่ออกนอกบ้าน แต่ในกรณีแบบนั้นรัฐบาลและนายจ้างจะจ่ายเงินเดือนให้เราหรือไม่? คำตอบคือไม่! ถ้าเราไม่กดดันเรียกร้อง

 

9. ทุกประเทศและทุกหน่วยงานควรมีแผนการทำงานเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด แต่เรายังไม่ทราบว่ารัฐบาลไทยและสถานที่ทำงานต่างๆ มีแผนหรือไม่ อนาคตของเราฝากไว้ในมือนักการเมืองและนายทุนไม่ได้ เราต้องติดอาวุธทางความคิดและเริ่มรวมตัวกันป้องกันคนส่วนใหญ่จากไข้หวัดมรณะ

 

ข้อเรียกร้องที่ขบวนการแรงงานต้องเสนอกับรัฐและนายจ้าง

สหภาพแรงงานและองค์กรภาคประชาชนทั้งหลาย จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้นายจ้างและรัฐบาลสร้างแผนการทำงานเพื่อปกป้องประชาชน เราต้องตั้งคำถามสำคัญๆ กับรัฐบาลและผู้บริหาร ข้อเรียกร้องดังกล่าวต้องเสนอในทุกเวที ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติในวันแรงงานสากล หรือในระดับสถานประกอบการ

(1) รัฐบาลต้องผลิตยาในปริมาณเพียงพอ และต้องเตรียมการเพื่อผลิตวัคซีนสำหรับไข้หวัดมรณะ (ซึ่งต่างจากไข้หวัดนก) ในกรณีที่มียาในจำนวนจำกัด รัฐบาลต้องประกาศว่าใครจะมีสิทธิ์เข้าถึงยา โดยใช้มาตรฐานที่เป็นธรรมและโปร่งใส

(2) ในเมื่อเตียงนอนอาจไม่พอ รัฐบาลต้องประกาศแผนการปรับปรุงและเตรียมพร้อมให้ชัดเจน

(3) ทั้งรัฐและนายจ้างจะต้องมีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับไข้หวัดมรณะให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน ไม่ใช่ปกปิดและหลอกเราว่ามันไม่ใช่ปัญหา

(4) ในกรณีที่ลูกจ้างป่วยหรือต้องมีการปิดงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค สหภาพแรงงานต้องมีส่วนในการประเมินความเสี่ยง  และรัฐและนายจ้างต้องรับประกันว่าจะจ่ายค่าจ้างตามปกติ

(5) รัฐบาลและกลุ่มทุนเกษตรกรรมต้องไม่ใช้โอกาสนี้ในการทำลายวิธีชีวิตของเกษตรกรรายย่อย

 

ภาคประชาชนต้องสร้างแนวร่วมระหว่างเมืองกับชนบทในเรื่องไข้หวัดมรณะ โอกาสทองที่จะเสริมความสามัคคีระหว่างส่วนต่างๆ ในภาคประชาชนไทย คืองานสมัชชาสังคมโลกที่จะจัดในไทยปลายเดือนตุลาคมปีนี้

 

ถ้าต้องการรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไข้หวัดมรณะ หรืองานสมัชชาสังคมโลก WSF ที่กรุงเทพฯ ติดต่อ: thaiwsf@yahoo.com, website: www.prachatai.com/wsf/ อีเมล์พรรคแนวร่วมภาคประชาชน peoplepartythailand@yahoo.com  โทรศัพท์ 013469481  ตู้ป.ณ. 2049 ป.ณ.ฝ. จุฬาลงกรณ์ กรุงเทพฯ 10332

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net