ประชาไท - 31 ม.ค.49 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาผลการศึกษาชิ้นสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศโลก ซึ่งระบุว่าระบบบรรยากาศของโลกจะแปรปรวนกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ และไม่อาจแก้ไขให้คืนดีได้ หากปล่อยให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นเกิน 3 องศาเซลเซียสจากระดับปัจจุบัน โดยที่คาดหมายกันไว้ด้วยว่า บรรยากาศโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงถึงระดับดังกล่าวได้ภายในศตวรรษนี้ และจะส่งผลให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย
รายงานดังกล่าวเป็นการประมวลรวบรวมหลักฐานต่างๆ ที่เสนอโดยผู้เชี่ยวชาญหลายหลากสาขา ตั้งแต่นักสมุทรศาสตร์ นักภูมิอากาศวิทยา นักเศรษฐศาสตร์ ตลอดจนนักการเมือง ในระหว่างการประชุมครั้งใหญ่ซึ่งจัดขึ้นเมื่อ 1 ปีที่แล้วที่ประเทศอังกฤษ ก่อนหน้าการเจรจาระดับผู้นำของกลุ่ม 8 ชาติอุตสาหกรรมสำคัญของโลก (จี8) ปี 2005 ซึ่งอังกฤษผู้เป็นเจ้าภาพก็ได้ผลักดันให้เรื่องโลกร้อน เป็นวาระสำคัญเรื่องหนึ่งของการหารือ
รายงานดังกล่าวยังยืนยันด้วยว่า อุณหภูมิโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้นจริง พร้อมทั้งประณามว่าตัวการสำคัญของเรื่องนี้คือการปล่อยก๊าซจำพวกคาร์บอน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้น้ำมันดิบ, ก๊าซธรรมชาติ, และถ่านหิน ซึ่งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อไปในอนาคต น่าจะทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นระหว่าง 1.4 -
ทั้งนี้ สนธิสัญญาเกียวโตเป็นสนธิสัญญาที่มุ่งลดจำนวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศโดยตรง และมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนก.พ.48 ในการกำหนดให้ 40 ชาติพัฒนาแล้ว ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือน กระจกให้ได้ 5.2% ภายในระหว่างปี 2008-2012 ซึ่งชาติสมาชิกที่ไม่ปฏิบัติตาม ก็จะโดนบทลงโทษตอบโต้ในที่สุด แต่สหรัฐและออสเตรเลียซึ่งเป็น 2 ชาติที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก ยังคงดำรงตนเป็น 2 ประเทศของประเทศพัฒนาแล้ว ที่ไม่ยอมร่วมลงนามในสนธิสัญญาเกียวโต
นอกจากนี้เมื่อเร็วๆ นี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ได้รายงานว่านักวิทยาศาสตร์ระดับสูงด้านฤดูกาลของนาซากล่าวหารัฐบาลสหรัฐว่าพยายามหยุดยั้งการพูดของตนหลังจากที่ไปบรรยายเกี่ยวกับเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สหรัฐควรเร่งดำเนินการ เพราะเป็นสาเหตุของปัญหาโลกร้อน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)