ประเทศจะดำรงอยู่อย่างมั่นคงและสงบสุขได้ มิใช่เพราะกฎหมายหรือความมั่นคั่งทางเศรษฐกิจเท่านั้น หากยังต้องอาศัยจริยธรรมเป็นเสาหลักของบ้านเมือง ด้วยเหตุนี้ผู้นำประเทศจึงจำเป็นต้องเป็นแบบอย่างทางจริยธรรม เพื่อนำประชาชนสู่วิถีทางที่ถูกต้องดีงาม อย่างไรก็ตามกรณีขายหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมีเจตนาเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีเงื่อนงำอีกหลายประการ ซึ่งล้วนก่อความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ เป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงการขาดสำนึกทางจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี เมื่อประกอบกับเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ที่ชวนให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีในเรื่องการใช้อำนาจเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่อยู่ในฐานะที่จะได้รับความเชื่อถือในฐานะผู้นำประเทศที่มีจริยธรรม ซึ่งหากยังดำรงตำแหน่งต่อไป นอกจากจะเสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติในทางเศรษฐกิจการเมืองแล้ว ยังจะทำให้บรรทัดฐานทางจริยธรรมเสื่อมทรามลง ส่งผลให้ประเทศชาติถลำสู่ภาวะวิกฤตทางจริยธรรมในที่สุด

ด้วยเหตุนี้เครือข่ายพุทธิกา จึงสนับสนุนการเคลื่อนไหวของประชาชนทุกหมู่เหล่าที่เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยถือว่า เป็นหน้าที่ของประชาชนไทยที่จะช่วยกันจรรโลงรักษาสังคมไทย มิให้ตกต่ำในทางจริยธรรมยิ่งไปกว่านี้ ขณะเดียวกันก็เป็นการร่วมสร้างบรรทัดฐานทางจริยธรรมสำหรับผู้นำประเทศ เพื่อความสงบสุขของประชาชนทั้งมวล สมดังพุทธภาษิต ที่ว่า "ถ้าผู้ปกครองมีศีลธรรม ประชาชนทุกคนก็จะอยู่เย็นเป็นสุข"
พร้อมกันนี้ เครือข่ายพุทธิกาขอวิงวอนให้การเคลื่อนไหวของประชาชนทุกหมู่ทุกเหล่า มีจริยธรรมเป็นหลักนำ คือใช้สันติวิธี ตั้งมั่นในสัจจะ มีขันติธรรม ไม่มองผู้เห็นต่างเป็นศัตรู มีเมตตาและพร้อมจะให้อภัย เพราะเป็นการจรรโลงจริยธรรมของสังคมไทย จะเป็นไปได้ก็ด้วยการใช้วิธีการที่ถูกต้องตามหลักจริยธรรมเท่านั้น
อนึ่ง ในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ศกนี้ เครือข่ายพุทธิกาจะเข้าร่วมชุมนุมที่ท้องสนามหลวงด้วย โดยจะมีกิจกรรมเชิญชวนให้ผู้ร่วมชุมนุมยึดมั่นในจริยธรรมและสันติวิธี มีการผลิดเสื้อและธงติดข้อความเตือนใจว่า "จริยธรรมนำการเมือง" และ "เปลี่ยนผ่านการเมืองอย่างสันติ" จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย

เครือข่ายพุทธิกา