"คณะรัฐมนตรีชุดนี้ตั้งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาที่ท้าทายเราอยู่ข้างหน้า" มิเชล บาเชเล็ต กุมารแพทย์ นักสังคมนิยม วัย 54 ซึ่งกำลังจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีชิลีกล่าว

"คนที่จะเข้ามาดำรงตำแน่งรัฐมนตรีนี้เราพิจารณาจาก ผู้ที่ได้รับการยอมรับทั้งในด้านวิชาการ อาชีพและทางการเมือง โดยจะมีผู้ชาย 10 คน และผู้หญิง 10 คน ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้" บาเชเล็ตกล่าว

นอกจากการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีที่สัดส่วนเท่ากันระหว่างหญิงและชาย คือ 10 ต่อ 10 แล้ว บาเชลเล็ต ยังได้จัดสรรสัดส่วนที่สมดุลให้กับรัฐบาลผสมจาก 4 ฝ่ายอีกด้วย โดยมี 7 คน มาจากพรรค คริสเตียน เดโมแครต 9 คนจาก กลุ่มสังคมนิยมสองกลุ่ม 3 คนไม่สังกัดพรรค และหนึ่งคนจาก พรรคสังคมประชาธิปไตยที่เป็นพรรคเล็ก

นอกจากนี้ บาเชเล็ตซึ่งกำลังจะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมนี้ จะเสนอต่อรัฐสภาตั้งกระทรวงใหม่ขึ้นอีก 2 กระทรวงคือ กระทรวงความมั่นคงภายใน (public security) และ กระทรวงสิ่งแวดล้อม

กระทรวงที่ได้รับการจับตามองได้แก่กระทรวงกลาโหมและกระทรวงเศรษฐกิจนั้นเธอได้มอบหมายให้กับรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงเข้ามากำกับดูแล

ทั้งนี้ ผู้หญิงที่เข้ามารับตำแหน่งต่างๆในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะได้แก่ วิเวียน บลันลอต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะรัฐมนตรี อิงกริด อันโตนิเจวิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ซึ่งมาจากพรรคฝ่ายซ้าย (Party for Democracy) และ แคลริวา ฮาร์ดี รัฐมนตรีกระทรวงวางแผน

ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้นจะมอบหมายให้ อันเดรียส เวลาสโก นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งจบการศึกษาจากอเมริกา มีความเชี่ยวชาญด้านงบประมาณ ไม่สังกัดพรรคการเมือง ซึ่งคาดหวังว่าจะเข้ามาสานต่อเรื่องนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะยังคงรักษางบประมาณเกินดุลและอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้

การได้รับการเลือกตั้งของบาเชลเล็ตนั้นเกิดจากความต้องการของผู้หญิงในชิลีและในภูมิภาคละตินอเมริกาที่ต้องการจะเห็นความเท่าเทียมกันมากขึ้นในเรื่องของอำนาจทางการเมืองและสังคม มีผู้หญิงอยู่เพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นในลาตินอเมริกาที่มีอำนาจที่แท้จริงทางการเมือง ซึ่งได้แก่ สตรีหมายเลข 1 และวุฒิสมาชิก คริสตินา เฟอร์นันเดซ เดอ เคิร์ชเนอร์ แห่งอาร์เจนตินา และ ลัวร์เดส ฟลอเรส อดีตวุฒิสมาชิกเปรูซึ่งกำลังลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

ในลาติน อเมริกานั้นเคยมีผู้หญิงอย่างน้อย 6 คนที่เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี มาก่อน แต่บาเชเล็ตนั้นเป็นผู้หญิงคนแรกที่ชนะการเลือกตั้งโดยไม่ได้อาศัยความช่วยเหลือจากสามีในการก้าวมาสู่การมีบทบาททางการเมืองในภูมิภาคที่มีอีกหลายๆประเทศยังคงดำเนินการอย่างช้าๆ แม้แต่การจะให้สิทธิผู้หญิงออกเสียงเลือกตั้ง

-----------------------------------------

ที่มา:http://www.washingtonpost.com/wp-dyn/content/article/2006/01/31/AR2006013100031.html?nav=rss_world