20 ส.ว. เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญถอด "ทักษิณ"


 

 
นายแก้วสรร อติโพธิ สมาชิกวุฒิสภา กทม.
ภาพจาก www.manager.co.th

 

ประชาไท - 3 ก.พ. 2549 แก้วสรร นำทีม ส.ว. ยื่นถอดถอนนายกฯ ต่อศารัฐธรรมนูญผ่านประธานรัฐสภา ด้าน กลต. ชี้ พานทองแท้เข้าข่ายไม่รายงานการถือหุ้น ฟาก "เอกยุทธ" ขาประจำกัด ถ้านายกฯ เคยถือหุ้นแอมเพิลริช 100% จริงต้องถือว่าโง่โดยสุจริต

 

นายแก้วสรร อติโพธิ สมาชิกวุฒิสภา กทม. เปิดเผยว่า วันนี้ เวลา 11.00 น. จะนำรายชื่อ ส.ว. 20 คน ยื่นหนังสือถึงนายโภคิน พลกุล ประธานรัฐสภา เพื่อส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 (6) ที่บัญญัติว่า ความเป็นนายกฯ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวเมื่อกระทำการอันต้องห้าม ตามมาตรา 209 ที่บัญญัติว่า

 

นายกฯ ต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นใน หุ้นส่วน หรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทต่อไปตามจำนวนที่กฎหมายบัญญัติ กรณีที่รัฐมนตรีใดประสงค์จะได้รับประโยชน์จากกรณีดังกล่าว ก็ให้แจ้งประธานป.ป.ช.ภายใน 30 วัน และโอนหุ้นให้นิติบุคคลเป็นผู้บริหารให้ตามกฎหมายบัญญัติ โดยห้ามไม่ให้เข้าไปกระทำการอันเป็นลักษณะบริหารจัดการเกี่ยวกับหุ้น หรือกิจการของบริษัทนั้นๆ เอง ซึ่งในมาตรานี้ เข้าข่ายกรณี การขายหุ้นชินคอร์ปให้กับกลุ่มทุนเทมาเส็ก

 

วันเดียวกัน กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้จัดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงกรณีการซื้อขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่กระทรวงการคลัง

 

โดย นายธีระชัย  ภูวนาถนรานุบาล  เลขาธิการกลต. ได้ชี้แจงถึงการถือหุ้น บริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด และการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้น บริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  ของนายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา  ชินวัตร ว่า กรณีการขายหุ้นบริษัทแอมเพิลริช ที่นายกรัฐมนตรีขายให้แก่นายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ในราคาหุ้นละ 1 บาท จากราคาตลาดที่ 49 บาทนั้น ก.ล.ต.พิจารณาแล้วไม่เข้าองค์ประกอบความผิดในเรื่องการใช้ข้อมูลภายใน (insider) ตามมาตรา 241 เนื่องจากเป็นการซื้อขายหุ้นกันเองจึงไม่ถือเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอก

 

ส่วนกรณีการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นชินคอร์ปของบุคคลทั้งสองภายหลังถือหุ้นแอมเพิลริชแล้ว พิจารณาเห็นว่านายพานทองแท้เข้าข่ายไม่รายงานการถือหุ้น และไม่มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ตามมาตรา 246 และ 247 เนื่องจากการส่งหนังสือจากแอมเพิล ริชในปี 2544 ไม่นับว่าเป็นการรายงานการถือครองหลักทรัพย์ตามมาตรา 246 อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต.จะตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริง ก.ล.ต.จะดำเนินการแน่นอน

 

ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขั้นตอนการซื้อขายหุ้นในราคา 1 บาทให้แก่นายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทานั้น ไม่มีการซื้อขายผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์แน่นอน ดังนั้น ข้อมูลในส่วนนั้นจึงผิดไปจากความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม การกรอกข้อมูลที่ผิดมีความเป็นไปได้ 2 กรณี คือ ปกปิดและผิดพลาด ซึ่งในส่วนตัวเห็นว่าขั้นตอนการขายหุ้นของแอมเพิล ริช ไปยังบุคคลนั้น ถ้าปกปิดแล้วจะเกิดประโยชน์อะไร

 

นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์  อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงข้อกฎหมายเพิ่มเติมถึงหลักเกณฑ์การเสียภาษีที่ถูกต้องกรณีการขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมยืนยันว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้  โดยกรณีการซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย จากผู้ขายที่เป็นบริษัทต่างชาตินั้น กรณีที่บุคคลธรรมดา ซื้อหุ้นในราคาต่ำกว่าราคาตลาด  ถือเป็นการซื้อทรัพย์สินราคาถูก จึงไม่เข้าข่ายต้องเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 39

 

และกรณีที่บริษัท ต่างชาติไม่ได้ประกอบกิจการในประเทศไทย ขายหุ้นให้บุคคลธรรมดาที่อยู่ในไทย หากไม่มีเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน จึงไม่ต้องหักภาษี  ตามมาตรา 70  และกรณีที่บุคคลธรรมดา ขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าที่ได้ซื้อมา ถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 แต่หากเป็นการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ถือว่าได้รับยกเว้นภาษี

 

ขณะที่ขาประจำอย่าง นายเอกยุทธ อัญชันบุตร เจ้าของกิจการโอเรียนเต็ลมาร์ทกรุ๊ป และเจ้าของเว็บไซต์ thaiinsider.com ออกมาระบุว่า การแถลงข่าวของ ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร โฆษกตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ สร้างความกังขาและข้อสงสัยมากมายที่ยังตอบไม่ชัดเจนให้แก่สังคมไทย โดยเฉพาะกรณีบริษัทแอมเพิล ริช อินเวสเม้นท์ ที่จดทะเบียนบนเกาะบริติช เวอร์จิ้น

 

"ดร.สุวรรณ อ้างว่า บริษัทนี้จะเข้าตลาดหุ้นแนสแดค สหรัฐอเมริกา ซึ่งวงการธุรกิจรู้กันดีว่าเป็นสวรรค์ของนักฟอกเงิน เช่น เพื่อค้ายาเสพติด อาชญากรทางเศรษฐกิจ ผู้ก่อการร้าย นักการเมืองที่ฉ้อฉล เป็นต้น เพราะข้อมูลของผู้ถือหุ้นและผู้เป็นเจ้าของบริษัทที่จดทะเบียนจะถูกปิดเป็นความลับสุดยอดและไม่มีการเก็บภาษีจากรายได้ที่บริษัทนั้นๆ ได้รับ โดยรายได้ของบริติช เวอร์จิ้น จะเกิดจากค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนบริษัทเท่านั้น

 

"การตั้งบริษัทในลักษณะแบบนี้ จะต้องมีตัวแทนกรรมการหรือนอมินี ไดเรคเตอร์ ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนดูแลกิจการบริษัท และมีการทำสัญญาที่กำหนดชัดเจนว่า ผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากบริษัทตัวแทนหรือนอมินีนี้เป็นใคร ซึ่งสอดรับกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการปกปิดไม่ให้คนทั่วไปรู้ว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทนอมินีที่แท้จริง

 

"ดังนั้น ที่มีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์โดยนายบุญคลี ปลั่งศิริ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2542 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ถือหุ้น 100% ในแอมเพิล ริชนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ในหลักความจริง เพราะก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าโอนหุ้นนี้ไปให้บุคคลที่สามในต่างประเทศ แต่กลับเป็นการโอนให้ตัวเองและโอนให้นายพานทองแท้

 

"น่าจะมีนอมินีตัวจริงเบื้องหลังและไม่ใช่คนในตระกูลชินวัตรหรือดามาพงศ์แน่นอน หาก พ.ต.ท.ทักษิณไปเปิดบริษัทนอมินีเช่นนั้นจริง ย่อมไม่มีทางที่จะเปิดเผยชื่อตัวเองอย่างโจ่งแจ้งแน่นอน หากตั้งใจเช่นนั้นจริงแสดงว่าโง่โดยสุจริตนั่นเอง" นายเอกยุทธ กล่าว

      

นายเอกยุทธ กล่าวถึง เส้นทางการตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในเบื้องต้นว่า ทำได้ด้วยการพิสูจน์ว่าแอมเพิล ริช นั้นเข้าข่ายฉ้อโกงและฟอกเงินหรือไม่ โดยเฉพาะเงื่อนงำซับซ้อนที่อ้างว่าโอนหุ้นออกไปในชื่อแอมเพิล ริช โดย พ.ต.ท.ทักษิณ 100% จากนั้นมีการโอนหุ้นทั้งหมดให้นายพานทองแท้ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2543 ก่อนที่นายพานทองแท้จะโอนหุ้น 20% ให้น.ส.พิณทองทา เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2548

 

"สิ่งเหล่านี้เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ คือ 1.พ.ต.ท.ทักษิณแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า เป็นเจ้าของแอมเพิล ริช 100% โดยรับโอนหุ้นชินจำนวน 32.92 ล้านหุ้นและแตกราคาทุนจาก 10 บาทต่อหุ้นเหลือ 1 บาท ทำให้หุ้นขยายเป็น 329.2 ล้านหุ้นและมอบหุ้นจำนวนนั้นให้นายพานทองแท้ คำถาม คือ นายพานทองแท้นำเงินจากไหนไปซื้อหุ้นจำนวนนั้นและหากนำเงินจากไทยออกไปมีการแจ้งโอนเงินออกนอกประเทศหรือไม่

 

"และ 2. เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับค่าหุ้นจากนายพานทองแท้แล้ว หากนำเงินเข้าไทยได้แจ้งกรมสรรพากรหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีรายได้พึงประเมินและต้องเสียภาษี หากไม่ได้นำเงินเข้าไทยถามว่า เงินจำนวนดังกล่าวไปซ่อนอยู่ที่ใด เรื่องนี้จะหวังให้ตระกูลชินวัตรตอบคำถามนั้นคงฝันหวานเกินไป

 

"แต่วิธีพิสูจน์ที่มี คือ ทำเรื่องนี้ให้เป็นคดีความเพื่อพิสูจน์ว่ามีการฟอกเงิน ฉ้อโกง ยักยอกผ่องถ่ายเงิน ซึ่งเข้าข่าย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เพราะแอมเพิล ริชเป็นบริษัทบังหน้าและเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี หากจะหวังพึ่งอำนาจกฎหมายบริติช เวอร์จิ้น ที่ไม่เปิดช่องทางใดๆ ขอข้อมูลทั่วไปได้เลย หากไม่มีอำนาจศาลขอไปและต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการฉ้อโกงและฟอกเงินเท่านั้น เมื่อขออำนาจศาลทำเรื่องขอเปิดเผยบันทึกทะเบียนการโอนหุ้นของผู้ถือหุ้นที่แท้จริงในแต่ละช่วงเวลาว่าเป็นอย่างไร ก็จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริงดังที่ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์อ้างหรือไม่" นายเอกยุทธ กล่าว

 

 

 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท