คณาจารย์เรียกร้อง จนท.รัฐ ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมดั่งเพื่อนร่วมชาติ

นักวิชาการหลายมหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์เรียกร้องนายกรัฐมนตรีลาออก เปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฟื้นฟูองค์กรอิสระ ยันการชุมนุมเป็นสิทธิ เรียกร้องทุกฝ่ายร่วมกันป้องกันมิให้เกิดความรุนแรง ย้ำรัฐปฏิบัติกับผู้ชุมนุมดังเพื่อนร่วมชาติ

ทั้งนี้คณาจารย์จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ออกแถลงการณ์ร่วมกันเรียกร้องให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร รับผิดชอบต่อความผิดพลาดในปัญหาต่างๆ  ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 5 ปีที่บริหารประเทศโดยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในทันที เพื่อเปิดโอกาสให้มีการสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ ตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ และขอให้มีการดำเนินการเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสร้างระบบการเมืองการปกครองที่มีการถ่วงดุลอำนาจอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ฝ่ายบริหารครอบงำฝ่ายนิติบัญญัติและองค์กรอิสระ

 

นอกจากนี้แถลงการณ์ยังเรียกร้องให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจและพลเรือนปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลประชาชนที่มาแสดงออกตามสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 4-5 ก.พ.49 ให้มีความปลอดภัย และขอให้ประชาชนที่มาชุมนุมตามสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในวันนั้นแสดงออกซึ่งความคิดเห็นและการกระทำต่างๆ โดยยึดหลักสันติวิธี

 

โดยคณาจารย์จากนิด้าที่ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์มีดังนี้ 1.ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ 2.ศ.ดร.พิชิต พิทักษ์เทพสมบัติ 3.รศ.ดร.จิรวรรณ ภักดีบุตร 4.รศ.ดร.จิราวัลย์ จิตรถเวช 5.รศ.ดร.เดือนเพ็ญ ธีรวรรณวิวัฒน์ 6.รศ.ดร.ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์ 7.รศ.ดร.นิสดารก์ เวชยานนท์ 8.รศ.ดร.พลภัทร บุราคม 9.รศ.ดร.พาชิตชนัต ศิริพานิช 10.รศ.ดร.สุรพงศ์ เอื้อวัฒนามงคล 11.รศ.ดร.อัญชนา ณ ระนอง 12.รศ.ดร.อุดม ทุมโฆสิต 13.ผศ.ดร.กัลยาณี คูณมี 14.ผศ.เจริญ คุวิททร์พันธุ์ 15.ผศ.ดร.จิรประภา อัครบวร 16.ผศ.ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน 17.ผศ.ดร.บุญอนันต์ พินัยทรัพย์ 18.ผศ.ปกรณ์ ปรียากร 19.อ.ดร.เกศกานดา จตุรงคโชค 20.อ.ดร.จันทรานุช มหากาญจนะ 21.อ.ดร.ณัฐฐา วินิจนัยภาค 22.อ.ดร.ไพโรจน์ ภัทรนรากุล 23.อ.ดร.เลอสรรค์ โบสุวรรณ 24.อ.ดร.สุจิตรา ธนานันท์ 25.รศ.ดร.ราเชนทร์ ชินทยารังสรรค์ 26.ผศ.ศักดิ์สิทธิ์ แสงบุญ 27.ผศ.นวลนดา สงวนวงษ์ทอง 28.รศ.ดร.สุจิตรา บุณยรัตพันธุ์  29.ศ.ดร.กฤษ เพิ่มทันจิตต์

 

ในส่วนของต่างจังหวัด คณาจารย์-นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา รวมถึงองค์กรพันธมิตร ก็ได้กันแถลงข่าวยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ให้ลาออกจากตำแหน่ง และสนับสนุนให้สถาบันการเมืองตามรัฐธรรมนูญ องค์กรและกลุ่มเอกชน ร่วมกันผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อวางกฎเกณฑ์มาตรฐานและจริยธรรมทางการเมืองและสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ตามหลักการประชาธิปไตยโดยเร็ว

 

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ถูกกระแสทุกภาคส่วนเห็นว่าควรลงจากอำนาจนายกรัฐมนตรีเพื่อความมั่นคงของชาติ และนายกรัฐมนตรีในสายตาของคณาจารย์ทั่วประเทศได้หมดความชอบธรรมลงแล้วหลังจากครองอำนาจมาเข้าสู่ปีที่ 6 เพราะชาติบ้านเมืองเสียหายมากแล้ว จากการที่สมบัติของชาติถูกขายจนหมดเกลี้ยง ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ผลาญสมบัติของชาติอย่างแท้จริง พวกเราจึงจำเป็นต้องแสดงจุดยืนตามหลักวิชาการ

 

อาจารย์ - น.ศ. ลงชื่อร่วมตั้งข้อหาทักษิณ

ด้านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากคณาจารย์จากคณะเศรษฐศาสตร์ได้ออกแถลงการณ์เปิดประเด็นเรื่องเรียกร้องนายกฯทักษิณลาออกไปเมื่อหลายวันก่อน วานนี้ (3 ก.พ.) คณาจารย์ 41 คนและนักศึกษา 79 คน ร่วมลงชื่อทำจดหมายเปิดผนึกจี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ โดยระบุในแถลงการณ์เรื่อง "ขอให้แสดงความรับผิดชอบต่อการทำลายมาตรฐานจริยธรรมของสังคมไทย" มีเนื้อหาว่า

 

ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นของกลุ่มธุรกิจชินคอร์ปที่กำลังเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมไทยถึงเล่ห์เหลี่ยมในการใช้ประโยชน์อย่างไม่ถูกต้อง ทั้งจากช่องว่างทางกฏหมายที่มีอยู่ และจากการแก้ไขกฏหมายโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติโดยอาศัยเสียงข้างมากในสภาเพื่อประโยชน์ของตัวนายกรัฐมนตรี ครอบครัว และพวกพ้อง ทั้งนี้โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่ถูกจ้างโดยครอบครัวนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐออกมาให้การรับรองความถูกต้องด้วยการบิดเบือนกฏเกณฑ์ และแนวปฏิบัติที่เคยมีมาเพื่อสร้างภาพความชอบธรรมให้กับธุรกรรมดังกล่าว

 

ปรากฏการณ์ข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความตกต่ำถึงขีดสุดของมาตรฐานจริยธรรมในสังคมไทย และนำไปสู่มาตรฐานใหม่ของการใช้สติปัญญาเพื่อโกงชาติบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตนโดยไม่สนใจหายนะของประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบในทางลบต่อความคิด ความเชื่อ และค่านิยมของประชาชน ตลอดจนเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นอนาคตสำคัญของชาติและจะกลายเป็นชนวนในการทำลายวิถีชีวิตดีงามที่สังคมไทยสร้างมา กว่า 700 ปีในที่สุด

 

นอกจากนี้ ความตกต่ำทางมาตรฐานทางจริยธรรมที่ปรากฏในการทำงานของหน่วยงานสำคัญๆ ของรัฐซึ่งควรจะเป็นหลัก และเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนนั้น เป็นการทำลายทั้งโครงสร้าง และกระบวนการในการทำงานอย่างยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ของการบริหารราชการแผ่นดินและสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยในสายตานานาอารยประเทศในโลกซึ่งนับเป็นกระทำความผิดต่อสังคม และประเทศชาติที่ร้ายแรงกว่าการทำผิดทางกฏหมายอย่างมากมายมหาศาล

 

เงินจำนวนกว่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนความมั่งคั่งร่ำรวยที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงที่นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารประเทศ โดยที่ไม่สามารถตอบคำถามในเรื่องความถูกต้อง และความชอบธรรมให้กับสังคมไทย ทำให้เกิดข้อสงสัย และความไม่ไว้วางใจต่อการทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี และเป็นผลลัพธ์ที่อาจวิเคราะห์ได้ว่าเชื่อมโยงมาจากความไม่สุจริตของนายกรัฐมนตรีในการบริหารราชการแผ่นดินตามหลักธรรมาภิบาล และความเป็นผู้นำที่ไร้ซึ่งคุณธรรม และจริยธรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่

 

การแก้ไขกฏหมายเพื่อให้ต่างชาติสามารถเข้ามาถือครองกรรมสิทธิ์ได้มากขึ้นถึงร้อยละ 49 ในกิจการโทรคมนาคมของประเทศ ซึ่งเป็นการขายสัมปทานทรัพยากรของชาติ และไม่รักษาประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชน

 

การออกพระราชกำหนดภาษีสรรพสามิตที่เอื้อประโยชน์ให้กิจการของครอบครัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งนำไปสู่ความได้เปรียบในการแข่งขัน และการขายหุ้นของกิจการได้ในมูลค่าสูง ภายใต้การเสียประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน

 

การหลบเลี่ยงภาษีจากการซื้อขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ปซึ่งเกิดจากการสร้างธุรกรรมให้มีความซับซ้อนในหลายขั้นตอน ซึ่งในปัจจุบันก็ยังปรากฏข้อสงสัยถึงความถูกต้องในหลายประเด็น หลายแง่มุม ทั้งประเด็นการจัดตั้งบริษัทในต่างประเทศซึ่งเป็นดินแดนแห่งการฟอกเงิน และเลี่ยงภาษี ประเด็นการต้องถูกประเมินรายการได้เพิ่มเติมจากการซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด

 

การพูดเท็จโดยปราศจากความละอายต่อสาธารณชนในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งกระทำในหลายกรณีดังที่ปรากฏหลักฐานในสื่อมวลชน ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อตำแหน่งหน้าที่การงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการกระทำที่ไม่ตรงกับคำพูดของนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการทำลายมาตรฐานจริยธรรมในเรื่องของความซื่อตรงซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในสังคมทั่วโลก

 

การยืนกรานในเรื่องความถูกต้องตามกฏหมายทั้งที่ตนเองมีอำนาจ และยึดกุมเสียงข้างมากในสภาซึ่งทำหน้าที่แก้ไขกฏหมาย เป็นข้ออ้างที่ไม่คำนึงถึงความชอบธรรมและมาตรฐานจริยธรรมอันดีงาม และถือเป็นการกระทำที่ไม่ควรค่าแก่การเป็นแบบอย่าง และไม่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง

 

เสกสรรค์-เกษียร รวมลงชื่อด้วย

ด้านคณะรัฐศาสตร์ ศูนย์รวมของนักวิชาการชั้นนำชื่อดังของประเทศ ออกจดหมายเปิดผนึกขับ"ทักษิณ"พ้นเก้าอี้นายกฯ ชี้หมดความชอบธรรมบริหารประเทศ โดยระบุในจดหมายว่า

 

สืบเนื่องจากบัดนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่านายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีพฤติกรรมละเมิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ สิทธิเสรีภาพของประชาชน ความมั่นคงของชาติและจริยธรรมการบริหารบ้านเมืองอย่างร้ายแรง โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายหุ้นชินคอร์ปของตระกูลแก่ต่างชาติครั้งล่าสุดโดยไม่ต้องเสียภาษีให้แก่ชาติแม้แต่บาทเดียว ทำให้นายกรัฐมนตรีล้มละลายทั้งความชอบธรรมและความไว้วางใจของประชาชน จึงนำไปสู่การคัดค้านอย่างกว้างขวาง

 

ข้อที่น่าวิตกก็คือชุมนุมของประชาชนในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ศกนี้ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า และท่าทีดื้อรั้นแข็งกร้าวของนายกรัฐมนตรีอาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงจากฝ่ายรัฐดังที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต

 

 

พวกเราคณาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดหลักการดังนี้

 

1.สันติวิธี ละเว้นการใช้กำลังรุนแรงจากทุกฝ่าย ขอให้ฝายชุมนุมคัดค้านยึดแนวทางอหิงสาสันติวิธี ไม่ยั่วยุ ขอให้เจ้าหน้าที่ผู้รักษาความสงบมีสติวิจารณญาณที่จะอดทนอดกลั้น ปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเพื่อนร่วมชาติ มิใช่ศัตรู

 

2.ลาออก ขอให้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีรู้ว่า บัดนี้ สมควรที่ตนเองจะพอแล้วในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการแข็งขืนครองอำนาจต่อไปในภาวะล้มละลายทั้งความชอบธรรมและความไว้วางใจรังแต่จะนำไปสู่ความขัดแย้งและการเผชิญหน้า ซึ่งเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรงและความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง

 

3.ตรวจสอบ ขอให้สังคมและกลไกภาครัฐดำเนินการตรวจสอบความต้องสงสัยไม่ชอบมาพากลทางผลประโยชน์ธุรกิจของนายกรัฐมนตรีและพวกพ้องอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งบริหารไปก่อนเท่านั้น

 

4.มีส่วนร่วม ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ ที่จัดเกิดขึ้นในอนาคตขอให้ยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย

 

ทั้งนี้นักวิชาการ 22 ที่ร่วมลงชื่อได้แก่ ศ.ดร.สมบัติ จันทรวงศ์, ศ.ดร.สุรชัย ศิริไกร, ศ.สร้อยตระกูล อรรถมานะ, รศ.ดร.จุลชีพ ชินวรรโณ, รศ.ดร.พัชรี สิโรรส, รศ.ดร.สุพิณ เกชาคุปต์, รศ.ดร.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์, รศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ, รศ.ดร.ธงชัย วงศ์ชัยสุวรรณ, รศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, รศ.ดร.อัมพร ธำรงลักษณ์, รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร, ผศ.ดร.เมธาวุฒิ พีรพรวิฑูร, ผศ.ดร.ศิริพร วัชชวัลคุ, ผศ.ดร.กิตติ ประเสริฐสุข, ผศ.ดร.อรทัย ก๊กผล, ผศ.ยุวดี ศรีธรรมรัฐ, ดร.จิรวรรณ เดชานิพนธ์, ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล, ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์, ม.ล.พินิตพันธุ์ บริพัตร

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท