ยังคาดคำนวณกันไม่ได้ว่าจะมีตัวเลขเท่าไหร่ แต่แน่นอนว่า ผู้มาร่วมม็อบสนธิ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้านั้นมีจำนวนไม่น้อยแน่ๆ เฉพาะที่นายกฯ คาดการณ์เองก็ไม่ตำกว่า 28,000 คน
นายกฯ ทักษิณอาจจะหมิ่นแคลนว่า ตัวเลขนี้ห่างไกลจากจำนวน 19 ล้านเสียงซึ่งเป็นคะแนนพรรคไทยรักไทยได้รับในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และอาจจะคิดให้สบายใจได้ว่า คนที่ต่อต้านนั้น ถ้าไม่ขี้อิจฉาก็คงอกหักจากการทำธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่ได้ทำทีวีก็แทบ "จะตายห่า" เสียให้ได้
ลองมาดูกันทีละม็อบที่จะมารวมกันในวันที่ 4 จะได้รู้กันไปว่าใครบ้างที่ขี้อิจฉา และใครบ้างที่ไม่ได้ทำทีวีจนแทบ "จะตายห่า"
ทีมแรกคงไม่พ้นกลุ่มผู้ฟัง "สนธิ ลิ้มทองกุล" ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์และผู้ฟังอันเหนียวแน่นของเขาซึ่งที่ผ่านมาสื่อหลายสำนักรายงานอยู่ระดับหลักหมื่นคน
สำหรับสาเหตุที่มาของกลุ่มผู้ฟังเมืองไทยรายสัปดาห์ ภายใต้การนำของสนธิที่เรียกว่าการมาครั้งนี้ว่า "ปฏิบัติการกู้ชาติ" ก็หนีไม่พ้นเรื่องการบริหารประเทศที่ฉ้อฉล แทรกแซงองค์กรอิสระ คอร์รัปชั่น เอื้อประโยชน์เครือญาติ ซึ่งนายสนธิระบุว่า มีถึงกว่า 40 เรื่อง อาทิเช่น กรณีการแต่งตั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กรณีทำบุญประเทศในวัดพระแก้ว ที่นายสนธิชูธงว่าเป็นการละเมิดพระราชอำนาจ กรณีทุจริตกล้ายาง การจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX ของสนามบินสุวรรณภูมิ การแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และล่าสุดกรณีการขายหุ้นของบริษัทชินคอร์ปให้กับเทมาเส็ก ของสิงคโปร์
ศัตรูหัวใจของนายกฯ ทักษิณ ที่เป็นกลุ่มใหญ่เห็นชัดอีกกลุ่มหนึ่งได้แก่ ครูทั่วประเทศ ซึ่งคัดค้านการถ่ายโอนสถานศึกษาขั้นพื้นฐานไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวนยังไม่ทราบแน่นอน แต่ผู้จัดการรายงานคำสัมภาษณ์ของนายอวยชัย วะทา ผู้อำนวยการศูนย์คัดค้านการกระจายอำนาจ คาดว่าจะมีตัวแทนครูกว่าแสนคนเข้าร่มในการชุมนุมดังกล่าว
ด้านเว็บไซต์เนชั่น รายงานข้อมูลจากนายสมยงค์ แก้วสุพรรณ รองเลขาธิการแนวร่วมครูกู้ชาติ ภาคอีสาน ระบุว่า ครูที่จะเดินทางมาร่วมการชุมนุมดังกล่าวถูกสกัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่ออกใบอนุญาตออกนอกเส้นทางให้กับรถบัสที่ครูเช่าไว้เพื่อเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันยังมีการติดตามครูไปถึงบ้านเพื่อห้ามไม่ให้เข้าร่วมชุมนุม โดยให้เหตุผลว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะจะมีผู้ก่อการร้ายจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาวางระเบิด ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ไม่ได้มีการห้ามปรามเป็นพิเศษ เพราะเป็นวันหยุดราชการ
สำหรับจำนวนครูที่จะเข้าร่วมการชุมนุมนั้น นายสมยงค์กล่าวว่าไม่อาจคาดการณ์ได้แน่นอนแต่คิดว่าจะมีจำนวนมากจนยากที่จะคาดเดาได้ โดยอ้างอิงจากจำนวนครูที่ร่วมลงชื่อเพื่อถวานฎีกาเฉพาะที่ จ. ร้อยเอ็ดก็ 7-8 หมื่นคนแล้ว
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ไม้เบื่อไม้เมาอีกกลุ่มของรัฐบาลทักษิณ เนื่องจากการคัดค้านการแปรรูปการไฟฟ้าและประปาจากรัฐวิสาหกิจไปสู่การเป็นบริษัทมหาชนเพื่อเข่าสู่การกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ จำนวนที่คาดการณ์จากนาย
ด้านนายกทักษิณผู้ตกเป็นเป้าการโจมตีของม็อบกู้ชาติครั้งนี้ ก็ออกมาเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าว่า จังหวัดทางภาคใต้ซึ่งเป็นถิ่นของพรรคประชาธิปัตย์จะจัดรถบัสมาจังหวัดละ 25 คัน ถ้าเป็นเช่นที่นายกฯ พูดจริงๆ ลองคำนวณดู 1 คันบรรจุได้ 80 คนคูณด้วย 25 เท่ากับจังหวัดละ 2,000 คน ภาคใต้มี 14 จังหวัด รวมเป็น 28,000 คน
กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มย่อย ๆ ซึ่งประกาศอย่างเป็นกิจจะลักษณะประกอบไปด้วย
กลุ่มคัดค้านการแปรรูปการไฟฟ้าและการทำเอฟทีเอไทย-สหรัฐ ซึ่งนำโดยนายสมาน ศรีงาม มีจำนวนประมาณ 100 กว่าคน
ภาคีคนฮักเจียงใหม่ประกาศเมื่อวันที่ 2 ก.พ. เข้าร่วมม็อบที่ลานพระบรมรูปทรงม้าด้วยเหตุผลเพื่อหยุดเมกะโปรเจกกว่าหมื่นล้านที่จะสร้างผลเสียต่อเมืองเชียงใหม่ โดยระบุว่าโครงการเมกกะโปรเจกหลายโครงการของรัฐไม่โปร่งใส ไม่ผ่านกระบวนการสภา (แหล่งข้อมูล www.prachatai)
ชาวบ้านจากจังหวัดสตูลและสงขลาประมาณ 100 คน ไม่ทราบเหตุผลในการเข้าร่วมการชุมนุม (www.manager.co.th)
นอกจากนี้คาดว่าจะมีสมาชิกขององค์กรพัฒนาเอกชนที่ออกแถลงการณ์สนับสนุนการชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แต่ไม่ระบุว่าจะเข้าร่วมชุมนุมอย่างเป็นทางการ แต่ให้อิสระสมาชิกองค์กรตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมเอง ได้แก่ คณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) และพันธมิตร 11 เครือข่าย พร้อมสมาชิกมากกว่า 250 องค์กร กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอวอทช์)
แม้จะมีจุดมุ่งหมายร่วมกันว่าต้องการขับไล่นายกฯ ให้พ้นจากตำแหน่งไป แต่ผู้ที่มารวมพลังขับไล่นายกฯ ทักษิณนั้นมากันด้วยหลายเหตุหลายปัจจัยอันควรจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ เนื่องจากประชาชนไทยไม่เคยรวมพลังขับไล่นายกฯ ด้วยเหตุอันหลากหลายเช่นนี้มาก่อน
นายกฯ ทักษิณจึงเป็นบุคคลแรกของไทยที่มาตามแนวทางประชาธิปไตยเต็มใบ แต่โดนขับไล่โดยประชาชนจากหลายหมู่เหล่าด้วยเหตุขับข้องใจที่แตกต่างกันไป เรียกว่าภายใต้ภาวการณ์นำของ พ.ต.ท. ทักษิณชินวัตร นั้น ท่านผู้นำได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการเปิดแนวรบที่หลากหลายอย่างยิ่ง