ประชาไท - 7 ก.พ.49       คณะรัฐมนตรี ไม่เห็นชอบ ร่างแก้ไข พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในประเด็นเกี่ยวกับการชะลอการฟ้องผู้กระทำความผิดที่กลับใจให้ข้อมูลกับทางการ ระบุรอ พ.ร.บ.ชะลอการฟ้อง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพราะมีหลักเกณฑ์คล้ายกัน

นายวิษณุ เครืองาม เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ ครม.ไม่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอว่า เขาเป็นผู้ขอถอนเรื่องนี้เอง เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความจำเป็น เพราะมีร่างพ.ร.บ.ชะลอการฟ้อง (พรีบาร์เกนนิ่ง) ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว และทั้งสองอย่างนี้มีหลักเกณฑ์คล้ายกัน แต่กระทรวงยุติธรรมกังวลว่าพ.ร.บ.ชะลอการฟ้องจะช้ากว่าจะประกาศใช้ จึงเสนอเรื่องนี้มา

นายวิษณุ กล่าวว่า ได้อธิบายเรื่องนี้ให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม ฟังแล้วว่า ร่าง พ.ร.บ.ชะลอการฟ้องจะออกมาใช้ได้ทันแต่หากจำเป็นก็ต้องตัดบางอย่างออกไปบ้าง เอาเฉพาะเรื่องชะลอการฟ้องออกมาใช้ก่อน ซึ่งโดยรวมจะเป็นการให้อำนาจศาล อัยการและตำรวจ ชะลอการฟ้องไปก่อนและจะมีการต่อรองกัน โดยร่าง พ.ร.บ.ชะลอการฟ้องนั้นจะดีกว่า เพราะระบุไว้ชัดว่ามาตรการที่จะนำมาใช้มีอะไรบ้าง

 "ร่าง พ.ร.บ.ชะลอการฟ้องใช้ได้ทั้งประเทศและทุกความผิด แต่ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอเข้ามา จะใช้เฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับความมั่นคงที่ก่อเหตุในพื้นที่ที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกทั้งฉบับของกระทรวงยุติธรรมยังไงก็ยังใช้ทันทีไม่ได้ ต้องผ่านสภาฯก่อน รัฐบาลไม่เคยคิดจะออกเป็น พ.ร.ก.แต่ไม่รู้ว่าร่าง พ.ร.บ.ชะลอการฟ้องจะเสร็จกระบวนการของสภาฯ หรือเปล่าไม่รู้ ช่วงนี้ก็ให้ใช้มาตรการทางปกครองในการเจรจาหรือสั่งไม่ฟ้องไปก่อน" รองนายกรัฐมนตรีกล่าว

ส่วน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นควรให้เร่งรัด ให้ พ.ร.บ.ชะลอการฟ้อง ที่ยังค้างอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาให้รัฐสภาพิจารณาเสร็จโดยเร็ว เพราะจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปแก้ไขปัญหาในภาคใต้ ใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือผู้กระทำความผิด หรือแนวร่วมที่กลับใจเข้าให้ข้อมูลกับทางการจะไม่ต้องถูกดำเนินคดี