ภาพจาก www.biothai.net
ประชาไท - 7 ก.พ.49 นักวิชาการ "เอฟทีเอวอทช์" เปิดเอกสารข้อเรียกร้องทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐจากการเจรจาเอฟทีเอรอบที่ 6 ที่เล็ดรอดไปโผล่ในเว็บไซต์ต่างประเทศ หวั่นรัฐบาลแก้กฎหมายก่อนลงนามเหมือนซุกหุ้นรอบ2 มีผลทำลายระบบสาธารณสุข-เปิดช่องโจรกรรมทรัพยากรชีวภาพ
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.ไบโอไทย สมาชิกกลุ่มศึกษาเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ วอทช์) กล่าวว่า เอกสารที่นำมาทำการศึกษาก่อนแถลงข่าวครั้งนี้ เป็นเอกสารเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นข้อเรียกร้องของสหรัฐในการเจรจารอบ 6 ซึ่งได้มาจาก www.bilaterals.org คาดว่าน่าจะหลุดรอดมาทางสหรัฐ เนื่องจากฝ่ายไทยมีการคาดโทษผู้เจรจาไม่ให้มีการนำเอกสารมาเผยแพร่เด็ดขาด แต่สหรัฐจะมีการรายงานต่อสภาคองเกรสเป็นระยะ
รศ.ดร. จิราพร ลิ้มปานานนท์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์สังคม จุฬาฯ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้หัวหน้าคณะเจรจาคนใหม่ยกเลิกสัญญารักษาความลับกับสหรัฐ เพื่อให้ภาคประชาชนมีโอกาสร่วมศึกษาข้อตกลงด้วยก่อนจะลงนาม
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาข้อเสนอของสหรัฐแล้วพบว่า มีส่วนที่เป็นเรื่องสิทธิบัตรที่มากเกินไปกว่าในข้อตกลงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาในองค์การการค้าโลก (TRIPs) และมีของแถมที่ยัดเยียดมาในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับสิทธิบัตร ซึ่งขยายขอบเขตและอายุการให้สิทธิบัตรในพืช สัตว์ สิ่งมีชีวิต วิธีการวินิจฉัยโรค การรักษาผู้ป่วยและการผ่าตัด หากไทยยอมรับข้อเสนอดังกล่าว ระบบสาธารณสุขของไทยจะล่มสลาย เช่นเดียวกับที่ระบบควบคุมราคายาที่ดีที่สุดของโลกในออสเตรเลียได้ล่มสลายไปแล้วหลังออสเตรเลียทำเอฟทีเอกับอเมริกา
นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ผอ.โครงการนโยบายฐานทรัพยากร ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ยังชี้อีกว่า ขณะนี้สหรัฐต้องการทำลายกฎหมายดีๆ ของไทยที่มีอยู่ เช่น กฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาการโจรกรรมทรัพยากรชีวภาพของไทย สหรัฐรู้ดีว่าหากกฎหมายไทยฉบับนี้ยังอยู่ สหรัฐต้องแบ่งปันผลประโยชน์หลายล้านๆ บาทจากการนำพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ภูมิปัญญาไปต่อยอดแล้วจดสิทธิบัตร ดังนั้นข้อเสนอสหรัฐจงจงใจจะฉีกกฎหมายไทย
นายบัณฑูร ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ขณะนี้ตนได้เห็นร่างกฎหมายสิทธิบัตรที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาแก้ไขแล้ว มีเนื้อหาเช่นเดียวกับข้อเรียกร้องของสหรัฐอเมริกา จึงเกรงว่าเรื่องนี้อาจจะเหมือนกับกรณีซุกหุ้นรอบที่ 2 ที่มีการแก้ไขกฎหมายก่อน 1 หรือ 2 วัน ก่อนที่จะมีกรลงนามในข้อตกลงเอฟทีเอไทย-สหรัฐ จึงขอให้สื่อมวลชนและประชาชนเฝ้าติดตามเรื่องนี้ด้วย
อนึ่ง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร่วมกับสหพันธ์ผู้บริโภคสากล Consumers International ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ คณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา เตรียมที่จะนำเสนอผลกระทบภาพรวมของเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาในส่วนที่เกี่ยวกับลิขสิทธ์ต่อระบบการศึกษาไทย เรื่อง "ข้อตกลงเขตการค้าเสรี ไทย-สหรัฐ - นักเรียน ครู ผู้ปกครอง ได้รับผลกระทบอย่างไร?" ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นี้ เวลา 9:00 - 16:00 น. ที่ห้องประชุมรัฐสภา
ขณะที่ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ มีการแต่งตั้งหัวหน้าคณะเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐ คนใหม่ คือ นาย
นายการุณ ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ไว้วางใจ พร้อมทั้งยอมรับว่างานนี้ยากลำบาก เนื่องจากการเจรจามีหลายมิติ โดยมีทั้งส่วนได้และส่วนเสีย ส่วนการเจรจาในรอบต่อ ๆ ไป ก็จะมีความร้อนแรงขึ้น ซึ่งจะต้องรับฟังทุกฝ่าย และยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก โดยให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม เมื่อรับหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐ ก็ต้องถอดหมวกปลัดกระทรวงพาณิชย์ออกก่อน เพื่อมองผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน
ส่วนที่หลายฝ่ายห่วงเรื่องสิทธิบัตรยาและการคุ้มครองพรรณพืชต่าง ๆ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า กระทรวงให้ความสำคัญการเจรจาในเชิงลึกมากขึ้น เชื่อว่าไม่น่าห่วงมาก เพราะมีความถนัดด้านการเจรจา
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)