Skip to main content
sharethis


                                                


                นางรสนา โตสิตระกูล กรรมการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย           


 


ประชาไท—10 ก.พ. 2549 นางรสนา โตสิตระกูล กรรมการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศว่า วันที่ 11 ก.พ. จะไม่ใช่วันปิดบัญชี แต่เป็นวัน เปิดบัญชี นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร พร้อมเตือนความจำเคยพูดถึงบริษัทที่ไปจดทะเบียนที่เกาะบริติช เวอร์จิ้น ว่าไม่รักชาติ สัปดาห์หน้าเตรียมเช็คบิล ร้อง กทช. กลต. และศาลปกครอง


 


"วันที่ 11 ไม่ใช่วันปิดบัญชี เราคิดว่าเราเพิ่งจะเปิดบัญชี และคิดว่าอันนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการที่ประชาชนทุกคนจะตื่นขึ้นมาเพื่อป้องกันประเทศชาติ อธิปไตยของเรา เพราะเวลานี้ต้องบอกว่า นายกฯท่านเป็นอินไซเดอร์ทุกอย่างในขณะที่ท่านเป็นนักธุรกิจด้วย เพราะฉะนั้นการอินไซเดอร์แบบนี้มันจะทำให้ประเทศชาติสูญเสียประโยชน์อย่างมหาศาล"


 


นางรสนา ได้อ้างอิงเอกสารบันทึกคำพูดของนายกรัฐมนตรีเมื่อ 20 พฤษภาคม 2545 ในที่ประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่องยุทธศาสตร์เพื่อการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยว่า


 


" ท่านนายกพูดว่า เมื่อวานผมได้ดูข่าวจากซีเอ็นเอ็นทราบว่าขณะนี้สภาของสหรัฐฯ กำลังแก้ไขกฎหมายใหม่ ทั้งนี้เพราะบริษัทต่างๆ ไม่มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ แต่ไปจดทะเบียนในประเทศอื่นๆ เช่น ปานามา หรือหมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น ไอร์แลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทที่ไม่รักชาติ เพราะถือว่าเป็นการเลี่ยงภาษี เห็นได้ว่า แม้สหรัฐฯ จะเป็นประเทศที่มีเสรีภาพสูงยังมีการดำเนินการเช่นนี้ ก็อยากฝากให้คนไทยและบริษัทต่างๆ มีความรักชาติด้วย อันนี้คือคำพูดของท่านนายกรัฐมนตรี ท่านอาจจะลืมไปแล้ว เมื่อปี 45 ตอนนี้เครือข่ายองค์กรภาคประชาชนกำลังจะเตือนความจำของท่าน แล้วเราคิดว่าท่านควรพิจารณาตัวเอง"


 


ทั้งนี้ นางรสนา กล่าวว่า พันธมิตรประชาชนฯ จะมีการเคลื่อนไหวหลากหลายวิธีการ ไม่ใช่แค่วันที่ 11 ในการปราศรัยอย่างเดียว โดยในสัปาดห์หน้าเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคจะไปยื่นหนังสือถึงกรรมการกำกับกิจการโทรคมนาคม (กทช.) ตลาดหลักทรัพย์ฯ และศาลปกครอง เพื่อขอให้มีการอายัดการดีลหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น เพราะหุ้นอันนี้ยังมีปัญหาในเรื่องสัมปทาน


 


"ขายหุ้นของบริษัทดังกล่าวไม่ใช่เป็นการขายบริษัทแต่นี้เป็นการขายอธิปไตยของชาติ ซึ่งประชาชนทุกคนจะต้องลุกขึ้นมาคัดค้านในเรื่องราวเหล่านี้ และจะต้องรวมพลังประชาชนในการผลักดันกลไกทุกวิถีทางตามกฎหมายด้วย ในทางรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ท่านนายกฯ หยุดการดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี เพราะหากว่าศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินว่า ท่านมีการซุกหุ้นภาค 2 จริง ท่านจะต้องหยุดการดำเนินการทางการเมือง เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งอันนั้นจะเป็นวิธีการสันติวิธีที่สุด และคิดว่าในการเคลื่อนไหวทุกอย่างของประชาชนเราต้องการเคลื่อนไหวเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น"


 


 


ด้านนายปรีดา เตียสุวรรณ ชมรมนักธุรกิจเพื่อการปฏิรูปการเมือง กล่าวถึงเหตุผลที่เข้าร่วมเป็นกรรมการพันธมิตรประชาชนฯ ว่าเป็นเพราะ นายกฯ มีพฤติกรรมป็นกรรมการพันธมิตรปะมการพันธมิตรปะนยกนยหลบเลี่ยงภาษีทุกวิถีทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาและเพื่อนนักธุรกิจยอมรับไม่ได้เพราะนักธุรกิจทุกคนล้วนทำงานอย่างเหนื่อยยาก และมีความเสี่ยงในการลงทุน แต่ก็ต้องเสียภาษีให้ประเทศ การที่นายกฯ มีพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษีเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับผู้ประกอบอาชีพธุรกิจ


 


" ผมถือว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ภาพพจน์ของนักธุรกิจ ซึ่งท่านนายกฯ ดูประหนึ่งว่าวางตัวเองเป็นนักธุรกิจมากกว่าที่จะเป็นผู้บริหารประเทศเสียด้วยซ้ำไป ถือว่าเป็นการกระทำของนักธุรกิจซึ่งทำให้เกิดการเสื่อมเสียถึงวงการธุรกิจโดยทั่วไป อันนี้คือสาเหตุที่ทำให้ผมต้องเข้ามา เพื่อที่จะมาชำระภาพเหล่านี้ให้มันชัดเจนขึ้นครับ" นายปรีดา กล่าว


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net