Skip to main content
sharethis


ประชาไท—18 ก.พ. 2549 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า แหล่งข่าวจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กล่าวว่า ขณะนี้ สปน.กำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ว่า มีการกระทำผิดตามสัญญาร่วมการงานระหว่าง สปน. กับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือไม่ โดยส่วนหนึ่งจะพิจารณาจากข้อมูลที่รวบรวมจากแหล่งต่างๆ พร้อมกับทำหนังสือถึงไอทีวีให้ชี้แจงข้อเท็จจริงมาด้วย ว่าสัดส่วนการถือหุ้นในปัจจุบันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร คาดว่าภายในสัปดาห์หน้านี้ พิจารณาสรุปกันอีกครั้งเดือนมีนาคม


   


 ในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยู เอช เอฟ หรือไอทีวี ฉบับลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2538 ทำขึ้นในสมัยที่นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นการแก้ไข เพื่อให้ไอทีวี เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยสัญญาข้อ 1.2 ระบุว่า ผู้เข้าร่วมงานจะต้องดำเนินการหรือจัดให้มีการดำเนินการควบคุมให้ผู้เข้าร่วมงานมีสถานภาพเป็นนิติบุคคลที่เป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและต้องมีบุคคลสัญชาติไทย และหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าว ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของทุนจดทะเบียน


  


แหล่งข่าว กล่าวว่า ในสัญญาข้อ 13 หากมีการปฏิบัติใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามสัญญา สปน.จะมีวิธีปฏิบัติ โดยให้คู่สัญญาไปแก้ไขให้ถูกต้อง โดยให้เวลาอันสมควร หากคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามภายในระยะเวลาที่กำหนด สปน.จึงจะมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือบอกเลิกสัญญาได้


  


ดร. เจษฎ์ โทณะวณิก คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวว่า กรณีการขายหุ้นครั้งนี้ ให้ต่างชาติ ถือว่าผิดกฎหมายแน่นอน โดยเฉพาะกรณีของไอทีวี ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวดำเนินกิจการด้านสื่อสารมวลชนในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การคาดว่ากรณีไอทีวี ก็คงเช่นเดียวกับกรณีของ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด คือมีการตั้งบริษัทตัวแทนที่เป็นคนไทยเข้ามาซื้อหุ้นคืน ซึ่งอยากตั้งข้อสังเกตว่าการขายหุ้นครั้งนี้เป็นการตบตาหรือเปล่า เป็นการขายแบบหลอกๆ


  


ขณะที่น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) เปิดเผยว่า หลังจากคลี่คลายปัญหาเรื่องคดีฟ้องร้องระหว่างชิน คอร์ปอเรชั่นกับตนเองได้แล้ว คาดว่าในสัปดาห์จะเริ่มวางแผนรณรงค์ในเรื่องการนำสถานีโทรทัศน์ไอทีวีกลับมาเป็นของประชาชนอีกครั้ง


 


ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com



 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net