ประชาไท22 ก.พ. 2549 นายกมล อุปแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย และตัวแทนเครือข่ายฯ ประมาณ 30 คน เข้าพบนาย
นายกมล กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า ในคณะอนุกรรมการพิจารณาการคัดค้านการขอสิทธิบัตรยา COMBID ของบริษัท Glaxo Smith Kline Ltd. (GSK) มีผู้เชี่ยวชาญทางเภสัชเพียงคนเดียวซึ่งอาจไม่เพียงพอ อยากให้เพิ่มสัดส่วนจากกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยา และนักวิชาการอิสระเข้าไปด้วย
นอกจากนี้ อยากทราบว่ากรณีที่พบว่าภรรยาของประธานคณะอนุกรรมการฯทำงานอยู่ในบริษัทดังกล่าว จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะอาจเกิดคำถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
นาย
หากแค่เพิ่มสารทำให้ลื่นมาเชื่อมยาสองตัวเข้าด้วยกันก็สามารถจดสิทธิบัตรยาได้ง่ายๆ บริษัทยาอื่นๆ ก็จะเข้ามาจดสิทธิบัตรในไทย ต่อไปยาต่างๆ ก็จะแพงขึ้น
นาย
เรื่องการเพิ่มสัดส่วนคณะอนุกรรมการฯ อาจทำได้ยาก เพราะต้องมีความหลากหลาย คณะอนุกรรมการฯชุดนี้ไม่ได้แค่ดูเรื่องยาอย่างเดียว ต้องดูเรื่องอื่นด้วย อย่างไรก็ตาม หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถเรียกผู้เชี่ยวชาญจากข้างนอกมาให้ข้อมูลได้
นายคณิสสร นาวานุเคราะห์ กล่าวว่า คณะกรรมการกำลังพิจารณาเรื่องที่คณะอนุกรรมการฯ อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่ อย่างไรก็ตาม แม้จะพบว่าคนในคณะอนุกรรมการฯมีความเกี่ยวข้องกับผู้บริหารบริษัทดังกล่าวจริง อยู่ดีๆ ก็ไม่สามารถปลดเขาออกได้ ไม่ยุติธรรมสำหรับเขา เพราะเขาก็เป็นคนมีความรู้ความสามารถช่วยเหลืองานของคณะอนุกรรมการฯได้ ถ้าจะให้ออกต้องหาเหตุผลให้ได้ว่าทุจริตจริง เพราะคณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้ก็มีหน้าที่พิจารณาหลายเรื่องไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว