Skip to main content
sharethis


แถลงการณ์สมัชชาคนจน


"เราต้องการประชาธิปไตยที่ กินได้ และ เห็นหัวคนจน"


ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน  ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙


-------------------------------------------


พวกเราในนามสมัชชาคนจน ได้มายืนอยู่ ณ อนุสาวรีย์อันเป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตยแห่งนี้เพื่อคารวะ ดวงวิญญาณ ของวีรชนที่ต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตยในเหตุการณ์เดือนตุลาคม เดือนพฤษภาคม และวีรชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในทุกแห่งหน นอกจากนั้นยังเป็นการแสดงจุดยืนในการสืบทอดเจตนารมณ์ดังกล่าวต่อไปอย่างถึงที่สุด วีรกรรมอันห้าวหาญของวีรชน ที่ถากถากเส้นทางประชาธิปไตย จนสามารถเปิดพื้นที่ทางการเมืองให้คนจนมีส่วนร่วมในการใช้สิทธิออกเสียงได้ แม้วันนี้จะมีพื้นที่แค่เพียงบนท้องถนน แต่ก็เป็นจุดเริ่มที่จะนำพาไปสู่การสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริงต่อไป


การต่อสู้เพื่อชาติ เพื่อประชาธิปไตย ในความหมายของพวกเรา คนจนในชนบท และคนจนเมือง  ที่เป็น ชาวนา ชาวประมง และผู้ใช้แรงงาน ที่มารวมตัวกันในนามสมัชชาคนจนคือการต่อสู้เพื่อปกป้องและทวงสิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติจากรัฐอย่างเสมอภาค และอย่างมีศักดิ์ศรี  และสิทธิที่พวกเราเรียกร้องต้องการนั้น มีรูปธรรมที่ชัดเจนจับต้องได้ และเป็นเรื่องของความเป็นความตาย พอๆกับที่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี และสิทธิเสรีอันเป็นนามธรรม


 


การต่อสู้ของสมัชชาคนจนและขบวนการภาคประชาชนตลอดทศวรรษที่ผ่านมา คือเครื่องพิสูจน์ว่า คนจนก็มีจิตวิญญาณการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในแนวทางของตัวเอง  เราต้องต่อสู้กับเผด็จการที่แย่งชิงทรัพยากร ทรราชย์ที่ข่มเหงสิทธิชุมชน ปล้นสิทธิของเราไปด้วยการสร้างเขื่อนปิดแม่น้ำไม่รู้กี่สาย   ที่ทำกินถิ่นฐานของเราถูกท่วมทับทำลาย แล้วมาแลกด้วยเศษเงินค่าชดเชยปิดปากที่จนป่านนี้ก็ยังไม่ถึงมือพวกเราด้วยซ้ำ พวกเราหลายคนโดนกฎหมายยัดเยียดข้อหาให้กลายเป็นผู้ร้ายบุกรุกป่าไม้ในที่ทำกินของตัวเอง อีกหลายคนถูกปล้นแรงงานร่างกายด้วยโรงงานก่อมลพิษร้าย และอีกสารพัดที่ฉ้อฉล ฉ้อราษฎร์กับเราอย่างมัวเมาในอำนาจ  เพื่อสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับนายทุน เพื่อรองรับความสุขสบายของชนชั้นกลาง และสร้างพวกเราให้เป็นคนจน


 


ดังนั้น สำหรับพวกเราแล้ว การแก้ปัญหาคนจน คือความหมายเดียวกันกับการปกป้องประชาธิปไตยเพราะความทุกข์ยากที่พวกเราคนจนต้องเผชิญตลอดมานี้ ล้วนเกิดจากการที่รัฐใช้อำนาจเข้าข่มเหง แย่งชิงและทำลายสิ่งที่เคยเป็นถิ่นฐาน รากเหง้า ปากท้อง ลำแข้งและศักดิ์ศรีของเราทั้งสิ้น  รัฐอาจมองเห็นเป็นแค่ทรัพยากรที่จะยักย้าย แปรสภาพ หรือขายทิ้งเพื่อแลกกับการลงทุนโครงการพัฒนาจอมปลอมทั้งหลาย  แต่สำหรับเราแล้ว นั่นแหละคือ "ชาติ" ในความหมายที่เป็นรูปธรรมที่สุดของเรา  คนจนถูก "ปล้นชาติ" มาจนครบทศวรรษแล้ว โดยที่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีกระบวนการทางการเมืองหรือกฎหมายใดให้ความยุติธรรมแก่เราได้    


 


การมาครั้งนี้ หรือการมาครั้งไหนของพวกเราก็ตาม เป็นภาพสะท้อนถึงความบกพร่องของระบอบประชาธิปไตยได้เป็นอย่างดี  เป็นการบอกว่า คนจนหมดความอดทนในการรอคอยแล้ว  ไม่ว่ารัฐบาลไหน ก็ไม่มีสิทธิอ้างความชอบธรรมใดๆทั้งนั้น ตลอดระยะเวลา ๑๐ ปีของสมัชชาคนจน พวกเราต้องมาชุมนุมครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อตกลงเดิมๆที่มีมติคณะรัฐมนตรีรองรับนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ลงมือให้เห็นเป็นรูปธรรม เช่น การแก้ไขปัญหากรณีเขื่อนสิรินธร ในช่วงเวลา ๕ ปี ของรัฐบาลทักษิณ มีมติคณะรัฐมนตรี ๓ ครั้ง เห็นชอบให้จัดที่ดินให้ชาวบ้าน แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นเดียวกับรัฐบาลก่อนๆที่มีมติคณะรัฐมนตรีลักษณะเดียวกันแต่ไม่ทำอะไรเลย


 


เราเคยได้ยินได้ฟังมาแล้วถึงคำกล่าวที่ว่า "ชนชั้นใดเขียนกฎหมาย ก็แน่ไซร้เพื่อชั้นนั้น"  ประชาธิปไตยจะถูกออกแบบในมือของพวกเขา ให้ออกมาเป็นรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอย่างไร  อาจไม่ใช่เป็นเรื่องที่ชนชั้นคนจนอย่างเราจะเข้าไปกำหนดได้มากนัก  แต่สิ่งที่เราบอกได้ในวันนี้ก็คือ เราเชื่อว่าจะไม่มีความยากจนในสังคมที่ยุติธรรม  ดังนั้น ประชาธิปไตยจะต้องไม่เป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมในการกดขี่ข่มเหงคนจน  และประชาธิปไตยที่เราพร้อมเอาตัวเข้าแลกเพื่อต่อสู้ให้ได้มา จะต้องเป็นประชาธิปไตยที่ กินได้ และ เห็นหัวคนจน.


 


ด้วยความเชื่อมั่นในพลังประชาชน


สมัชชาคนจน


 


 


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net