คนล้นเวทีไล่ทักษิณที่ราชภัฏอุดร

ประชาไท - 24 ก.พ.49      เมื่อวันที่ 23 ก.พ. เวลา13.00น. คณะอาจารย์คณะวิทยาการจัดการ และสโมสรนักศึกษาคณะวิทยากรจัดการ ม.ราชภัฏอุดรธานี จัดเวทีวิชาการเรื่อง "ระบบทักษิโนมิกส์กับผลกระทบต่อสังคมไทย" โดยจัดโต๊ะลงชื่อถอดถอน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้บริเวณหน้าห้องประชุมและมีผู้เข้าร่วมฟังและลงชื่อถอดถอนกว่า 400 คน

 

ทั้งนี้เวลาประมาณ 18.00 น.ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรประชาชนกู้ชาติเดินทางมาสมทบ ภายหลังเวทีไฮปาร์คกลางทุ่งสีเมืองต้องยกเลิกด้วยไม่สามารถขออนุญาตใช้พื้นที่ได้

 

นางสาวกชวรรณ ชัยบุตร เลขาธิการ สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) กล่าวในเวทีว่า การเลือกตั้งไม่ใช่การถ่ายโอนอำนาจจากประชาชนไปอยู่ที่นายกฯ เป็นเพียงการเลือกคนมาทำหน้าที่แทนประชาชน เมื่อไม่ได้ทำหน้าที่แต่หากำไรเข้ากระเป๋าตัวเอง ประชาชนจึงต้องไล่เขา ระบบทักษิโนมิกส์หรือระบบเศรษฐกิจแบบทักษิณได้ทำลายโครงสร้างของสังคมไทยลง และชัดเจนว่านายกเลือกที่จะเป็นนักธุรกิจ ที่ต้องการกำไรสูงสุดและไม่เสียภาษีมากกว่าจะเป็นนักการเมืองที่มีจริยธรรม ในขณะที่สภาไม่มีระบบการตรวจสอบใดๆ สส. สว. เป็นลูกจ้างคอยกมือเอื้อประโยชน์ต่อนายอย่างสื่อสัตย์

 

นางสาวกชวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้นักศึกษาทั่วประเทศมีการก่อตัวขึ้นเพื่อที่จะเคลื่อนไหวยืนหยัดอยู่ข้างความ โดยจะร่วมกันชุมนุมเรียกร้องไม่ให้มีการยุบสภาที่หน้าหอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ และเรียกร้องกับนักศึกษาทุกคน คนไทยทั่วประเทศว่าทางเดียวที่ประชาชนมีอยู่ขณะนี้คือการชุมนุมแสดงพลัง โดยจะต้องไม่เกรงกลัวต่ออำนาจใดๆ หากอธิการบดีท่านใดยังใช้อำนาจกดพลังนักศึกษาไว้ก็จะถูกขับไล่ไปพร้อมกับนายทักษิณด้วย

 

                                         

                                                        นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์

 

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กล่าวว่า ต้นเหตุความยากจนของประชาชนคือความร่ำรวยของนายกทักษิณ ชินวัตร โดยเมื่อปี 2544 มารับตำแหน่งมีทรัพย์สินอยู่ 2 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันถูกจัดลำดับให้เป็นคนร่ำรวยเป็นอันดับที่ 14 ของโลกเป็นนักการเมืองคนเดียวที่ร่ำรวยติดอันดับร่ำรวยที่สุดแต่มาจากประเทศที่ยากจนอย่างประเทศไทย หากเอาเส้นแบ่งความจนของคนไทยใช้รายได้ที่ 14,000 บาทต่อปีเป็นตัวแบ่ง นายกทักษิณจะมีรายได้เท่ากับประชากร 29 ล้านคนรวมกัน

 

"การต่อสู้กู้ชาติของประชาชนมีภารกิจอยู่ 3 ขั้นตอนหลัก ๆ ได้แก่ 1. ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรออกจากตำแหน่ง 2.ยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการโกง และ 3.ดึงทรัพย์สมบัติของแผ่นดินที่ขายไป (แปรรูป) กลับคืนมา เช่น ปตท. กฟผ. เป็นต้น และการต่อสู้กับอธรรมนั้นกำลังอาจเลี่ยงไม่ได้ ผู้มีธรรมจะต้องกล้าโดยกองทัพที่จะกำชัยคือกองทัพธรรม" นายสมเกียรติกล่าว

 

ด้าน ดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันสหัสวรรษ กล่าวว่า ความเติบโตธุรกิจในเครือชินคอร์เปอร์ชั่น เกิดจากสามสิ่ง คือ เงิน อำนาจรัฐ และ สัมปทานสิทธิพิเศษ และนายกทักษิณ คือนักล่าสัมปทาน ไม่ใช่นักธุรกิจ การที่มีเงินมาก ก็นำมาซื้ออำนาจการเมือง ใช้อำนาจการเมืองเพื่อจะได้สิทธิพิเศษในการสัมปทานเพื่อที่จะได้กำไรเป็นเงิน นำมาซื้ออำนาจการเมือง เป็น "วงจรทรราช"  และปัจจุบันก็เกิดอาการ "ทรราชอักเสบขั้นสุดท้าย"

 

ดร.วุฒิพงษ์กล่าวอีกว่า การยุบสภาก็เป็นทางออกของนายกทักษิณไม่ใช่ทางออกของประชาชน ทางออกของประชาชนคือขับไล่ทักษิณให้พ้นแผ่นดิน แต่เขาต้องการยุบสภาเพราะเขาต้องการสลายกำลังการต่อสู้ของประชาชน หลังยุบสภาเขาจะได้รักษาการในตำแหน่งอีก การต่อสู้ของชาวไทยวันนี้เป็นการต่อสู้กับรัฐบาลที่โกงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวระหว่างคนสองคน แต่เป็นการต่อสู้ระหว่างความถูกต้องกับความชั่ว และคนที่บอกว่าจะวางตัวเป็นกลางคือคนที่วางตัวอยู่ข้างคนชั่ว

 

"หากมีการยุบสภาจริงประชาชนต้องแสดงพลังต่อไปเพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงผู้ที่อยู่ในอำนาจ ไม่ให้เขากุมอำนาจในการเลือกตั้ง นายทักษิณต้องออกไปให้พ้นแผ่นดินไทย และชดใช้สิ่งที่โกงไปคืนให้คนไทย"

 

นายสันติภาพ ศิริวัฒนไพบูลย์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ ม.ราชภัฏอุดรธานี กล่าวว่าการเรียกร้องให้นายกออกจากตำแหน่งเป็นเพียงบันไดขั้นหนึ่ง แต่หากโครงสร้างเศรษฐกิจแบบทักษิโนมิกส์ยังดำรงอยู่ กลุ่มนักธุรกิจการเมืองยังกุมอำนาจ หรือกลับมากุมอำนาจก็จะวนกลับไปที่เดิม  เวทีครั้งนี้ทำให้ได้เห็นการตื่นตัวของคนอุดรธานีเป็นอย่างมาก จากการเตรียมงานไม่เกินสามวันสถานที่ประชุมจัดไว้เพียง 200 ที่มีผู้สนใจเข้าร่วมล้นห้องประชุมออกมาต้องต่อโทรทัศน์วงจรปิดลงมาด้านล่างของอาคาร

 

นอกจากนี้กลุ่มคนก็เปลี่ยนตอนเริ่มต้นงานก็จะเป็นกลุ่มอาจารย์  ประชาชนทั่วไป ต่อมาก็มีคนทำงานที่เลิกงานทยอยกันมา บางคนไม่มีเวลามาก็แวะมาเพื่อลงชื่อถอดถอนแล้วกลับ ถือได้ว่าเวทีครั้งนี้ได้เปิดพื้นที่ที่ปิดอยู่ในเมืองอุดรให้มากขึ้น

 

"สิ่งที่น่าประทับใจคือการนำเสนอความเห็นของ นางสาวกชวรรณ ชัยบุตร  เลขาธิการ สนนท. ในบทบาทนักศึกษา เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความกระตือรือร้นช่วยปลุกพลังปลุกของนักศึกษาหลังเงียบเหงาไปนานให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง  และต้องชื่นชมสโมสรนักศึกษาคณะวิทยาการจัดการที่มีความกล้าหาญที่ยืนยันจัดงานนี้แม้จะมีอุปสรรคหลายอย่าง" นายสันติภาพกล่าว

 

ด้านนายโชคชัย เดชรอด คณะบดีคณะวิทยาการจัดการ กล่าวว่า เวทีครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีสร้างความรู้ทางวิชาการด้านการเมืองแก่ประชาชนชาวอุดรธานี และนักศึกษา เพราะการเมืองเป็นเรื่องของเราทุกคน แม้จะมีเวลาเตรียมงานกระชั้นชิดแต่ก็มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมจนล้นห้องประชุม  เวทีครั้งนี้เป็นหวังที่จะเป็นเวทีสร้างความรู้แก่ประชาชนจริง ๆ  ซึ่งวิทยากรได้สะท้อนปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นอยู่ในสังคมไทยขณะนี้คือเรื่องจริยธรรมผู้นำประเทศ  ทั้งยังได้ช่วยกันมองไปสู่อนาคตด้วยกันว่าสังคมไทยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรจึงจะเป็นคุณประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท