รายงาน:กวีประชาไทคึกคักหลายอาชีพผุด"กวีการเมือง"ท่ามกลางการเมืองอึมครึม


หลังจากที่ทางประชาไท ได้เปิดพื้นที่ชุมชนกวีประชาไท มาได้ประมาณขวบปี จะเห็นได้ว่า
เนื้อหาบทกวีส่วนใหญ่ที่ส่งมานั้น จะเน้นหนักไปทางกวีเพื่อชีวิต หรือกวีการเมือง
โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังคุกรุ่น เข้มข้น
จะเห็นชัดว่า บทกวีการเมืองจะส่งเข้ามาร่วมอย่างต่อเนื่อง
ทำให้สีสันบรรยากาศทางการเมืองในขณะนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น
ประชาไท จึงขอนำมาเสนอ ณ ตรงนี้

ถามถึง...จริยธรรม

 

๏ จริยธรรมระส่ำล้ม............เสียหลัก
ความตะกละมันหัก..............หมดเหี้ยน
ศีลธรรมเสื่อมทรามหนัก.......สิ้นเหนี่ยว-
รั้งหลักเหลือหลักเพี้ยน.........เล่นพ้องพวกกัน ฯ

 

๏ พลิกผันพังกฎเกื้อ...........แก่ตน
ตามกอบตามโกยฉล...........ฉกฉ้อ
ประโยชน์ชาติพินาศผล........แพ้ประโยชน์..ตนเฮย
คนคดคดในข้อ..................นั่งค้ำงำเมือง ฯ

 

วัวพันหลัก
 
๏ เสียงเคืองคนกล่าวข้อ.......คำถาม
ถามชอบธรรมทำทราม........เสื่อมซ้ำ
ซ้ำซุกซ่อนซ้ำหยาม............ย้ำผิด
ผิดต่อชนทนค้ำ..................ถ่อยขึ้นครองไฉน ฯ

 

๏ ไผทเพียงท่วมพื้น............เพลิงผลาญ
สูญสุจริตการณ์..................กล่าวอ้าง
จริยธรรมระส่ำลาญ.............เสียหลัก
เหลี่ยมหนักนำเหลี่ยมสร้าง....เล่ห์ซ้อนซ่อนผล ๚๛

 

                               ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙

                                              "วฤก"

 

ในขณะบางคนได้ถ่ายทอดไปถึงคนเดือนตุลาในรัฐบาลทักษิณ 
ที่ทั้งสะท้อนความห่วงใยบ้านเมือง และห่วงใยพี่น้องคนเดือนตุลาในรัฐเผด็จการ 
ว่ายังไม่สายที่ก้าวเดินออกมา...เพื่ออยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน

 


                     แด่คนเดือนตุลา ในรัฐบาลทักษิณ


 


             คนคนก็คือคน                 ต่างมีหนเส้นทางตัว


ทั้งสว่างและพร่ามัว                        กำหนดสายเส้นทางใด


 


            ใครคนประชาชน               ผ่านหนทางที่ยาวไกล


พิสูจน์จึงแน่ใจ                              ว่ารับใช้ประชาจริง


 


            ปากพร่ำประชาชน             คิดส่วนตนประโยชน์ยิ่ง


รักชาติมือประวิง                           กอบโกยใส่กระเป๋ากู


 


            เคยสู้เดือนตุลา                 ยังลอยหน้าไม่อดสู


ทิ้งมิตรร่วมศัตรู                            ยังคงอยู่ทุรชน


 


            อุดม-การณ์เก็บไว้             ทาสนายใหญ่ไม่สับสน


กระดูกเขาเปรอปรน                       กลับมาปล้นประชาไทย


 


            รู้รู้ก็รู้อยู่                          สมควรสู้อยู่ฝ่ายไหน


เฉยหน้าไม่สนใจ                           เพราะยิ่งใหญ่ไม่เคยฟัง


 


            ส่งเสียงอย่างจริงจิต           สหายมิตรแต่หนหลัง


จะฟังหรือไม่ฟัง                            จะลาออกหรืออยู่ทน


 


            ไม่สายจะกลับหลัง            รวมพลังประชาชน


ชื่อเสียงจะคงทน                           และคงอยู่คู่คนไทย


 


            หากอยู่คนขายชาติ            จะพินาศก่อนสิ้นขัย


แช่งสาปจากทั่วไป                        ชีวิตใหม่ไม่มีมา


 


            มาเถิดมาร่วมกู้                 ล้มศัตรูที่อยู่หน้า


ลาออกลาออกมา                          ปวงประชายังยินดี


 


            ส่งเสียงจากผองเพื่อน        เป็นเสียงเตือนด้วยหวังดี


จริงใจอย่างน้องพี่                         เพื่อสันติของผองไทย


 


            คนคนก็คือคน                  ต้องเลือกหนทางที่ไป


เจิดจ้าสังคมใหม่                           หรือถูกไล่ให้เลือกเอา


 


สมชัย  ศรีสุทธิยากร

23     ก.พ. 2549       

 

และนี่คือบทกวีอีกชิ้นหนึ่งที่ส่งตรงมาจาก จ.เชียงราย ตอกย้ำชัดว่า 
นี่คือประเทศไทย คือชาติไทย ใช่ชาติชินฯ 

               

            ที่แท้คือชาติไทยใช่ชาติชินฯ

 

               จำเจ็บจากชาตินี้ถึงชาติหน้า

               ถึงจะเร็วจะช้าไม่หวั่นไหว

               คำพ่อเคยพร่ำย้ำความนัย

               ชื่อชาติไทยมิใช่ชื่อชาติชิน

 

               เกรงกลัวซักฟอกถลอกเลือด

               ทำเป็นดาลเดือดแทบด่าวดิ้น

               นิสัยหยาบระยำย้ำให้ยิน

               กอบกินเกินกุ๊ย-ถุยคนทราม

 

               โกงจนชินเก็บกินเป็นกิจวัตร

               ตระบัดสัตย์เสียงก่นคนเหยียดหยาม

               อ้ายจ้าดง่าวฟังเขามาก็ว่าตาม

               คำพล่ามแม่พ่อส่อสันดาน

 

               ทำตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ

               สูตรสำเร็จสี่เหลี่ยมด้านคูณด้าน

               ก็กี่เหลี่ยมกำไรในผลงาน

               แอบล้างผลาญด้วยเล่ห์กลของคนโกง

 

               จึงขอสาปแช่งไปทุกชาติ

               จุ่งพินาจฉิบหายถึงตายโหง

               แผ่นดินจงไร้ที่ใส่โลง

               ทุกยามโมงบอดใบ้ใจมืดมิด

 

               นับจากชาตินี้สู่ชาติหน้า

               วันที่สองเมษา งดใช้สิทธิ์

               กากบาทเลือกใครไตร่ตรองคิด

               อย่า "ติ๊กผิด" ให้ลำเค็ญก็เป็นพอ

 

                               ปะหล่อง/เชียงราย

 

 

นาฏกรรมแห่งจิตสำนึก : บทบันทึกวีรชนอีสานใต้

ถ้าเพื่อนตาย เพื่อให้ เราได้รอด*
ไม่ม้วยมอด วิญญาณ ผลาญทุกข์เข็ญ
ตายสิบเพื่อ เกิดแสน แทนลำเค็ญ
สร้างสุขปลุก ประเด็น เป็นชีวิต

ถ้าเพื่อนตาย เพื่อให้ เราได้รอด*
อยู่ตลอด รอดฝั่ง พรั่งวิจิตร
อาบน้ำจิต อิ่มน้ำใจ ผองเพื่อนมิตร
เสียสละ ชีวิต ลิขิตใจ

ถ้าเพื่อนตาย เพื่อให้ เราได้รอด*
ณ แผ่นดิน อ้อมกอด แห่งยุคสมัย
เป็นอยู่เพื่อ เรียนรู้ ความเป็นไป
สานสัมผัส สายใย ความผูกพัน

ถ้าเพื่อนตาย เพื่อให้ เราได้รอด*
เพื่อพร่ำพรอด อิ่มเอม เกษมสันต์
ลำดับภาพ เหตุการณ์ กาลก่อนนั้น
เพื่อนเสียชีพ เพื่อฝัน นิรันดร์ริน

ถ้าเพื่อนตาย เพื่อให้ เราได้รอด*
ในมืดบอด รัตติกาล แห่งพื้นถิ่น
แสงสว่าง พราวพร่าง กลางแผ่นดิน
ประกายใจ ยลยิน เสียงรักกัน

เพื่อนยังอยู่ นับนาน อีสานใต้
อุดมการณ์ ความหมาย ไม่ขายฝัน
"วีรชน" เพื่อนผอง ของเรานั้น
ประทับมั่น ตราบกาล นิรันดร

สุริยา  โนนน้อย


นครราชสีมา

* เป็นวรรคหนึ่งในบทกวี ซึ่งสลักไว้ใต้รายชื่อมิตรสหายที่ยอมเสียสละชีวิตเพื่อประชาชน


ณ อนุสรณ์สถานวีรชนอีสานใต้ บ้านโคกเขา ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์


 


 


และนี่คืออีกหนึ่งบทกวีที่ส่งตรงมาจากริมฝั่งของ ริมน้ำโขง เชียงราย


เพื่อสะท้อนให้เห็นทุกข์สุขของมนุษย์ ที่แฝงปรัชญาโดยผ่านมะเดื่อกับแมลงหวี่


 


มะเดื่อกับแมลงหวี่


 


บอกว่า


ความทุกข์ดังเครื่องบั่นทอนทำร้าย


ทุรนทุรายแสบร้อนจนเกรียมไหม้


ใจเคยน้อมรับว่าทุกข์คือเพื่อนไหม


ใจเห็นทุกข์ก็หดหู่


ใจไม่อยู่กับกาย


รีบเร้นหายเพื่อหลบทุกข์


ทุกข์ก็ตามติด


ตามไปถึงหลุมฝังศพ


 


ในมะเดื่อเห็นแมลงหวี่อยู่ที่ใจ


มะเดื่อเน่าร่วงหล่นคงยิ้มให้แมลงหวี่


ทุกข์สุขก็พาอิ่มเอิบ.


 


            นิวัฒน์ ร้อยแก้ว


            กลุ่มรักษ์เชียงของ/เชียงราย


 


นี่เป็นเพียงบางส่วน ที่ผู้คนจากทั่วภูมิภาค ได้ทยอยส่งบทกวีมาร่วมในชุมชนประชาไท ซึ่งเมื่อไล่เรียงดูแล้ว บรรดาที่ส่งบทกวีมาร่วมนั้น มีมากมายหลากหลายอาชีพ ไม่ว่านักศึกษา นักวิชาการ แพทย์ ผู้นำท้องถิ่น สื่อมวลชน ฯลฯ


 


และอาจถือได้ว่า นี่เป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่ง ของสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ ได้ทำให้ใครอีกหลายคนที่รู้สึกอัดอั้น อึดอัดกับภาวะการเมืองที่อึมครึม ไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อย หรือสิ้นสุดตรงที่ใด โดยได้เลือกที่จะเขียนบทกวีเพื่อระบายความรู้สึก และชี้ทางให้สังคมได้ผ่อนคลาย และให้กำลังใจกันและกันได้บ้าง


 


ไม่มากก็น้อย.


 


=================================================


ต้องการแสดงความเห็นและอ่านความเห็นของข่าวนี้ คลิกที่นี่


=================================================


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท