Skip to main content
sharethis


 







 


 


 


 



 


 


วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 11.00 น. เครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซียและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ประมาณ 200 คน เดินทางด้วยรถยนต์จากอำเภอจะนะ จ.สงขลา ไปยังสำนักงานอัยการภาค 9 โดยเคลื่อนขบวนรถยนต์รณรงค์ได้ใช้รถกระจายเสียงชี้แจงข้อมูลที่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ร่วมมือกับบริษัททรานส์ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันโกงที่ดินสาธารณประโยชน์ของชาติไปดำเนินโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ให้คนในตัวเมืองสงขลาได้รับรู้ข้อมูล พร้อมทั้งแจกแถลงการณ์ซึ่งระบุว่า กระบวนการยุติธรรมเพื่อชาติหรือเพื่อนายทุน หลายกรณีที่เกิดขึ้นในสังคมไทยผู้ที่ลุกขึ้นมาปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศชาติกลับถูกจับกุมและดำเนินคดีในชั้นศาลไม่ว่ากรณีของโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย กรณีของการคัดค้านโรงไฟฟ้าบ่อนอก-หินกรูด และอีกหลายๆกรณีที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะช่วงที่นายทักษิณ ชินวัตรบริหารประเทศ และยังเรียกร้องให้ทักษิณหยุดโกงชาติ โกงแผ่นดิน


 


จนกระทั่งเวลา 14.30 น. ขบวนทั้งหมดได้เดินทางถึงสำนักงานอัยการภาค 9 เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่สมาชิกเครือข่ายคัดค้านฯท่อก๊าซจำนวน 3 คนได้แก่ นายสุไลมาน หมัดยูโส๊ะ นายก๊บ หลำโส๊ะ นายกิตติภพ สุทธิสว่าง ออกหมายจับข้อหาบุกรุกที่อสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นทั้งที่ความเป็นจริงบุคคลทั้งสามเป็นผู้ปกป้องที่ดินสาธารณประโยชน์ของชาติไม่ให้บริษัทร่วมทุนต่างชาติเข้ามาฮุบเอาไปเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งทางสภ.อ.จะนะ ได้ส่งสำนวนดำเนินคดีมายังอัยการและได้มีการออกหมายจับบุคคลทั้งสาม


 


เมื่อบุคคลทั้งสามทราบเรื่องจึงมามอบตัวเพื่อสู้คดี และเดินทางมาประกันตัวที่สำนักอัยการเขต 9 แล้วครั้งหนึ่ง และอัยการนัดมาฟังคำสั่งฟ้องแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากวันนั้นทางเครือข่ายเดินทางกันมาเป็นจำนวนมากและได้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้พนักงานอัยการสงขลา ซึ่งพนักงานอัยการได้ฟังข้อมูลจากชาวบ้านเครือข่ายคัดค้านท่อก๊าซแล้วบอกว่า ที่ผ่านมาเพียงแต่ฟังข้อมูลจากตำรวจเท่านั้น หากทางเครือข่ายมีเอกสารหลักฐานให้นำมามอบให้ที่สำนักอัยการเขต 9 เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะส่งสำนวนฟ้องต่อศาลสงขลาหรือไม่


 


ดังนั้นในวันนี้ทางเครือข่ายคัดค้านฯจึงนำหนังสือมายื่นเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดย น.ส.เฉลิมขวัญ ถิระวุฒิ พนักงานอัยการเป็นตัวแทนมารับหนังสือดังกล่าว และได้ชี้แจงชี้แจงว่า เรื่องนี้เป็นผู้ที่รับผิดชอบและมีอำนาจตัดสินว่าจะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ คือ นายสมพงศ์ ภูชฎาภิรมย์ อธิบดีอัยการเขต 9คือ และกล่าวว่าทางพนักงานอัยการ เห็นว่าเป็นเรื่องนี้มีความสำคัญและอยู่ในความสนใจของสังคมวงกว้าง อำนาจการตัดสินใจส่งฟ้องศาลจึงไม่ได้อยู่ที่อัยการจังหวัดสงขลา แต่อยู่ที่อธิบดีอัยการเขต9 สำหรับตนเมื่อรับหนังสือแล้วจะส่งเรื่องไปยังอัยการผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้


 


หลังจากนั้นเครือข่ายได้เข้าไปพบและชี้แจงข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นกรณีที่บริษัทรานส์ไทย-มาเลเซียเป็นผู้บุกรุกดินสาธารณประโยชน์โคกชายทะเลแล้วมาแจ้งความจับพวกตนกับนายสุรศักดิ์ ด่านกิตติกุล รองอธิบดีอัยการเขต 9 พร้อมทั้งส่งเอกสารยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์โคกชายทะเล และมีการออกเอกสารสิทธิ์มิชอบ โดยมีรายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติประกอบยืนยัน และทางเครือข่ายคัดค้านฯได้ชี้แจงเหตุที่ต้องถูกเป็นผู้ต้องหา เพราะทางเครือข่ายคัดค้านฯได้ร่วมกันปกป้องที่ดินสาธารณะประโยชน์โคกชายทะเล จำนวน 120 ไร่ ในท้องที่ตำบลสะกอม ซึ่งตอนนี้ที่ดินดังกล่าวได้ถูกนายทุนและบริษัททรานส์ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ฉ้อโกงโดยการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ


 


รวมทั้งได้ยื่นเอกสารที่ทางเครือข่ายคัดค้านฯได้แจ้งความกล่าวโทษบริษัททรานส์ไทย-มาเลเซียในข้อหาบุกรุกดินสาธารณสมบัติของชาติ กรณีที่บริษัททรานส์ไทย-มาเลเซีย(ประเทศไทย)จำกัด ได้บุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์หรือที่ดินวะกัฟ4 เส้นที่ดำเนินการก่อสร้าโรงแยกก๊าซ พร้อมกันนั้นได้เปลี่ยนแปลงสภาพไปแล้ว อีกทั้งล้อมรั้วไม่ให้ชาวบ้านได้เข้าไปใช้ประโยชน์


 


หลังจากที่นายสุรศักดิ์ ด่านกิตติกุล ได้รับเรื่องไว้แล้วรับปากกับทางเครือข่ายคัดค้านฯว่าในวันที่ 6 มีนาคม 2549 นี้จะชี้แจงความคืบหน้าของทั้งสองกรณีให้รับทราบ ว่ามีความคืบหน้าอย่างไร


 


และชี้แจงว่าขั้นตอนของกรณีที่ชาวบ้านถูกฟ้องเป็นผู้ต้องหาคดีที่ชาวบ้านปกป้องที่ดินสาธารณะประโยชน์นั้น ขั้นตอนกำลังอยู่ในการหาหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งคดีข้อหาบุกรุกทั่วไป จะจบแค่อัยการจังหวัด ว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ แต่คดีนี้ผู้ที่จะสั่งฟ้องคืออธิบดีอัยการเขต 9 นางจันทิมา ชัยบุตรดี สมาชิก อบต.สะกอม กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์และอยู่ในตำบลสะกอมซึ่งเป็นเขตในความรับผิดชอบของอบต.สะกอม ทาง อบต.สะกอมได้ลงมติร่วมกันว่า ไม่อนุญาตให้บริษัททรานส์ไทย-มาเลเซีย(ประเทศไทย) จำกัด เข้าไปบุกรุก ที่ดินดังกล่าวเป็นสมบัติของชาติเราต้องเอากลับมาให้พี่น้องได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันไม่ใช่ให้บริษัทฮุบไปใช้แต่ผู้เดียว


 


เวลาประมาณ 15.30น. ทางเครือข่ายคัดค้านท่อก๊าซฯจึงได้เดินทางกลับพร้อมทั้งยืนยันว่าในวันที่ 6 มีนาคมนี้จะเดินทางมาฟังผลการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อพิสูจน์ว่ากระบวนการยุติธรรมเพื่อใครกันแน่ ระหว่างผู้ปกป้องที่ดินของประเทศชาติกับนายทุนผู้รุกราน







ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net