Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

กรณีที่เกี่ยวกับการหมื่นพระบรมเดชานุภาพ มักจะถูกนำหยิบนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อบอกว่า "มีแต่ฉันเท่านั้นที่รักสถาบัน" ซึ่งว่าไปแล้วเป็นรากฐานความคิดที่หยาบคายที่สุด เพราะนั่นเท่ากับดูหมิ่นพระบารมีของพระมหากษัตริย์ไปด้วยในตัวคำพูดนั้นเอง


 


ความรักในสถาบันนั้นมีหลายรูปแบบ และปูชนียบุคคลอย่าง สุลักษณ์ ศิวรักษ์ นั้น ในบรรดาฝ่ายซ้ายเองก็จัดท่านว่า บุคคลคนนี้นี่แหละที่ "รัก" ในสถาบันกษัตริย์อย่างยิ่งยวด และ "ความรัก" ในแบบของท่าน ท่านจึงวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างตรงไปตรงมา แม้รู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องใช้ความกล้าหาญและเสี่ยงมากเพียงใด


 


คุณสนธิ ลิ้มทองกุล นั้นก็ได้ชื่อว่าท่านรักสถาบันฯ ในแบบของคุณสนธิ จึงไม่เกรงไม่กลัวที่จะเรียกร้องขอให้กษัตริย์ใช้พระราชอำนาจ และเอื้อนเอ่ยถึงสถาบันได้เกือบทุกครั้งบนเวทีปราศรัยอย่างบริสุทธิ์ใจ


 


แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของคุณสนธิและพันธมิตรฯ ในการถวายคืนพระราชอำนาจ และเรียกร้องนายกฯพระราชทาน กระนั้นเราก็เคารพในข้อเรียกร้องของคุณสนธิและพันธมิตรฯ


 


ความรักที่มีด้วยกันหลายแบบนี้ ว่ากันอย่างถึงที่สุด ย่อมทำให้สถาบันฯอยู่ยั้งยืนยง เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกยุคทุกสมัย การตีความว่ามีใครบุคคลใดทำการหมิ่นฯ นั่นจึงคือการหมิ่นฯในพระบารมี เพราะแม้แต่พระราชดำรัสเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2548 ก็ปรากฏแจ้งชัดว่า พระองค์ท่านเห็นเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อย่างไร แล้วทำไมยังต้องใช้วินิจฉัยของตัวเองไปตีความ หากไม่ใช่เพราะมีเจตนาเอาสถาบันฯมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง


 


ความผิดพลาดของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก เป็นความผิดพลาดที่คมชัดลึกเองก็ยอมรับโดยดุษฎี และแสดงความรับผิดชอบนั้นแล้วในทุกวิถีทาง ตั้งแต่การลาออก การขอพระราชทานอภัยโทษ หรือมาตรการที่รุนแรงที่สุดที่ไม่เคยปรากฏว่าเคยมีสำนักพิมพ์ไหนกระทำมาก่อน คือการปิดตัวเอง 5 วัน ก็ยังได้แสดงออกมา จนทำให้มาตรฐานในวิชาชีพสื่อสูงปรี้ด และคนทำข่าวมีอันต้องเกร็งกันไปถ้วนหน้านับจากนี้


 


กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปิดอาคารสำนักงานเนชั่นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม กลับมีความพยายามที่จะทวงถามหาความจริงในแบบที่ตนเองปรารถนา หรือกล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็คือ พยายามที่จะให้นักข่าวผู้นำเสนอข่าวนี้ออกมาพบ และยอมรับให้ได้ว่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวหมิ่นฯเบื้องสูงจริงหรือไม่ แม้คมชัดลึกจะได้ประกาศยอมรับผิดในทุกประการไปแล้วก็ตาม


 


จริงหรือไม่ อาจจะไม่ใช่ประเด็น แต่น่าที่ผู้อ่านจะได้รับรู้ไว้ว่า ระหว่างการต่อสายของคนในสำนักพิมพ์ถึงคนในรัฐบาลที่เชื่อกันว่าอยู่เบื้องหลังม็อบปิดเนชั่นนี้ คำพูดในทำนองที่ว่า ให้ยอมรับไปสิว่า สนธิพูด ก็หลุดออกมา


 


จริงหรือไม่ อาจจะไม่ใช่ประเด็น แต่คุณเนวิน ชิดชอบ ก็ประกาศว่า เรื่องเกี่ยวกับการหมื่นฯสถาบันฯ เขาพร้อมจะอยู่เบื้องหน้าม็อบไม่ต้องมาแอบอยูข้างหลัง พร้อมกับประกาศว่ามีหลักฐานที่คุณสนธิพูดเป็นเทปโทรทัศน์ช่อง 9 ไอทีวี ซึ่งตรงกับฉบับคมชัดลึก วันที่  24 มีนาคมหน้า 18 ทุกประการ (เนวินให้สัมภาษณ์สรยุทธ สุทัศนะจินดาในเรื่องเล่าเช้านี้ 31 มีนาคม)


 


แต่ที่เราเห็นในทีวี ในคลิปให้โหลด กลับไม่มีเนื้อหาที่แสดงว่าคุณสนธิหมิ่นฯ เกิดอะไรขึ้นกับหลักฐานสองชิ้น ชิ้นหนึ่งหาโหลดได้ในเวบทั่วไป อีกชิ้นมีแต่คำอ้างจากคุณเนวิน และเราไม่รู้ว่าจะมีการเตรียมหรือดัดแปลงหลักฐานเหมือนเมื่อเคยเกิดขึ้นในเหตุการณ์เมื่อ 30 ปีที่แล้วหรือไม่


 


ที่บอกว่าไม่ใช่ประเด็นก็เพราะแม้ไม่ต้องมีคำพูดนี้ แต่การมาของม็อบปิดเนชั่น และไม่มีท่าทียอมเจรจาในช่วงแรก ยืนกรานท่าเดียวว่าจะต้องพบผู้เขียนข่าวเพื่อถามความจริงให้ได้ ก็แสดงอยู่แล้วว่า ข้อหาหมิ่นฯนี้ เกิดขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายทางการเมือง


 


ภาพเหตุการณ์วันที่ 30 มีนาคมที่เชียงใหม่ ภาพหุ่นแทนแกนนำพันธมิตรฯและคุณอภิสิทธิ์ ถูกมัดคอด้วยเชือกแล้วลากไปตามพื้นก่อนคนจะรุมกระทืบ ภาพหุ่นถูกแขวนแล้วฟาดด้วยไม้ ดีที่ไม่มีรูปรองเท้ายัดปากด้วย ไม่เช่นนั้นใครที่หลับไป 30 ปี คงจะตื่นมางงๆว่า ยังทำร้ายกันไม่จบอีกหรือ ก่อนจะไปจบที่การถล่มเวทีปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์


 


ไม่รู้ว่าภาพเหล่านี้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาฯนายกฯ ผู้ปวดร้าวมาจากเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 จะได้สะทกสะท้อน


 


หากคุณทักษิณได้เว้นวรรค และลองทบทวนความผิดพลาดตลอดช่วงที่ผ่านมา น่าจะได้ลองเรียกพวกนี้มาตบกะโหลก แล้วก็ไล่ส่งออกไปจากการเป็นขุนพลเคียงข้าง เพราะการเมืองแบบนี้เป็นการเมืองที่ไม่ได้ทำให้คุณทักษิณง่ายต่อการอยู่ และง่ายต่อการฝ่าอคติกลับมาในอนาคตเอาเสียเลย หรือไม่ก็ถามตัวเองดูก็ได้ว่าหากมีใครมาทำเช่นนี้กับตัวเอง แล้วความจำมันจะฝังลึกอยู่ขนาดไหน


 


นิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" นิตรสารฉบับเล็กๆ (แต่มีขนาดหนาและหนัก) ทางวิชาการที่โดดเด่นในด้านการค้นคว้า เป็นอีกหนึ่งเหยื่อ เมื่อฉบับ "สถาบันกษัตริย์กับสังคมไทย" ที่ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งยึดและเก็บโดยอาศัยอำนาจของกฎหมายการพิมพ์ฉบับเต่าล้านปี โดยก่อนหน้านั้นถูกนำไปเผาโชว์บนเวทีคาราวานคนจนที่สวนจตุจักร และประกาศว่า จะบุกสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน


 


ถ้าสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ไม่ได้ขึ้นเวทีเคียงข้างพันธมิตรฯ ไล่ทักษิณ ก็น่าสงสัยว่า "ฟ้าเดียวกัน" จะเผชิญกับความโด่งดังเยี่ยงนี้หรือไม่


 


นับเนื่องต่อจากวันนั้น บรรยากาศสิทธิเสรีภาพถูกคุกคามอย่างหนักและถึงที่สุด คนที่เป็นกลางๆ และแอบปกป้องทักษิณ แอบ "รัก" ทักษิณอยู่ในใจ ด้วยเหตุผลอันน้อยนิดว่า อย่างน้อยสมัยทักษิณก็ยังด่าได้ ว่าได้ ชุมนุมได้อย่างเสรี ก็พลันหวนรำลึกถึงบรรยากาศเก่าก่อนและตัดสินใจเลือกข้าง อย่างไม่มีอะไรต้องลังเล


 


ทั้งด้วยเหตุผลร้อยพันที่ผ่านมา และทั้งในฐานะที่เขาทำให้เรา "รัก" ในแบบของเราไม่ได้


 


2 เมษา ไม่มีการชุมนุม เราไปกางดออกเสียง ให้เขาและลิ่วล้อตายทางการเมืองด้วยกติกาของพวกเขาเอง


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net