นายกฯ ยันไม่ออก ปฏิเสธข่าวลือสะพัดเข้าพบพล.อ.เปรม

ประชาไท - 1 มี.ค.49        พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีปฏิเสธข่าวลือว่าตนเองจะลาออกจากตำแหน่ง ยืนยันว่าจะทำหน้าที่จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ และจะทำทุกอย่างตามระบอบประชาธิปไตย กฎหมายรัฐธรรมนูญ ขอให้ประชาชนอย่าวิตกและเชื่อข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้มีการปล่อยข่าวลือโดยเฉพาะนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่หวังผลในการขายหุ้น

 

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังปฏิเสธข่าวลือว่ามีการขอเข้าพบ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษด้วย และยืนยันด้วยว่าวันพรุ่งนี้ (2 มี.ค.) เวลา 08.00 น. จะนำผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย ไปสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ ที่อาคารนิมิตบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ

                 

ขณะที่พล.อ.เปรม ซึ่งนัดรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับพล.ร.อ.ประเจตน์ ศิริเดช อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.นพ พิณสายแก้ว นพ.ประสพ รัตนากร ที่โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซสราว 2 ชั่วโมง  ตอบคำถามนักข่าวกรณีกระแสข่าว นายกฯ และนายอภิสิทธิ์จะเข้าพบเพียงสั้นๆว่า "ไม่ทราบ"

 

อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนยังรายงานกระแสข่าวลืออย่างต่อเนื่องว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าพบพล.อ.เปรม ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ในเย็นวันนี้ พร้อมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตผู้นำฝ่ายค้าน โดยเชื่อว่าจะเป็นการเคลียร์ปัญหากรณีฝ่ายค้านบอยคอตไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง         

 

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือทั้งกรณีที่พรรคไทยรักไทยอ้างว่าไม่สามารถติดต่อกับพรรคประชาธิปัตย์ได้ จึงไม่สามารถทำให้การเจรจาร่วมกันของหัวหน้าพรรคการเมืองไม่ได้ข้อยุติ และข่าวลือว่าพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีจะเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่นายอภิสิทธิ์ ไม่ยอมไปพบ เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

 

อย่างไรก็ตามเขายอมรับว่า ขณะนี้มีผู้ใหญ่บางคนพยายามเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาระหว่างหัวหน้าพรรคไทยรักไทยและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ใช่พล.อ.เปรมแน่นอน นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังตัดสินใจยกเลิกการจัดเวทีปราศรัยใหญ่วันที่ 4 มี.ค. เพื่อชี้แจงกรณีที่ฝ่ายค้านบอยคอตการเลือกตั้ง เนื่องจากไม่ต้องการตกเป็นเครื่องมือของใคร

 

ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบพ.ต.ท.ทักษิณ ทันทีหลังเดินทางกลับจากพรรคไทยรักไทยเข้าทำเนียบรัฐบาล ใช้เวลาหารือราว 30 นาที จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ได้หารือประเด็นการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายนนี้ หากพรรคฝ่ายค้านทั้ง3 พรรค ยังยืนยันว่าจะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งก็คงไม่เป็นไร การเลือกตั้งก็จะต้องมีต่อไป

 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพ.ต.ท.ทักษิณ นายวิษณุ ไม่ตอบคำถาม เพียงแต่ยิ้มแล้วเดินเข้าลิฟต์ไป

    

ด้านความเคลื่อนไหวของทหาร ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่าบรรดาผบ.เหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. และพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ได้เดินทางมาร่วมพิธีมอบนโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะปัญหายาเสพติด ซึ่งมีพ.ต.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยก่อนร่วมพิธีบรรดาผบ.เหล่าทัพ ได้จับกลุ่มพูดคุยกันกว่า 20 นาที

 

อย่างไรก็ตาม พล.อ.สนธิ ปฏิเสธกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีมีข่าวว่าในการร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา มีผบ.คนหนึ่งเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ว่า ไม่มีการพูดกันถึงประเด็นนี้แต่อย่างใด  ปัญหาในขณะนี้นายกฯ มีวิธีแก้ปัญหาอยู่แล้ว 

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคไทยรักไทยนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า พรรคจะเร่งจัดทำบัญชีผู้สมัครส.ส.ของพรรคในระบบบัญชีรายชื่อให้เสร็จภายในวันนี้ โดยครั้งนี้จะมีทั้งหมด 2 บัญชี บัญชีละ 100 คน โดยบัญชีแรกเป็นผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ ส่วนอีกบัญชีเป็นบัญชีของผู้ปฏิบัติงานทางการเมือง

 

นายสุธรรม แสงประทุม กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะรับฟังสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคนที่ต้องการลงสมัครรับเลือกตั้ง น่าจะทำให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนใจได้ เพราะนายอภิสิทธิ์เคยพูดไว้ว่า พรรคการเมืองต้องมีความพร้อมตลอดเวลา ดังนั้น ทุกคนควรจะต้องยอมเพื่อให้บ้านเมืองส่วนใหญ่อยู่ได้

 

น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รองเลขาธิการพรรค เชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ดังนั้นพรรคจึงยังยึดมั่นกติกา และต่อต้านการออกนอกกติกา โดยประเด็นที่จะใช้ในการชี้แจงในวันที่ 3 มี.ค.นั้น ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นเป้าถูกโจมตีจึงจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีต้องใช้เวลาในการปราศรัยค่อนข้างนาน เชื่อว่า ประชาชนจะเข้าใจ และเชื่อมั่นว่าจะไม่มีเหตุการณ์ม็อบชนม็อบ เพราะเป็นเวทีหาเสียง แต่ละฝ่ายมีเวทีของตัวเองและแสดงออกกันแล้ว นายกรัฐมนตรี จึงมีสิทธิที่เปิดใจ หลังจากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท