Skip to main content
sharethis


ภาพจาก www.manager.co.th


 


ก่อนคุณสมชายจะถูกทำให้หายตัวไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ ดิฉันได้ทำความสะอาดตู้หนังสือที่มีอยู่ประมาณ 10 ตู้ภายในบ้าน ดิฉันและคุณสมชายเป็นคนที่รักและหวงแหนหนังสือมาก เพราะถือได้ว่า เป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดชิ้นเดียวของบ้าน " นีละไพจิตร" คุณสมชายเดินผ่านมาและได้หยิบหนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่งไปอ่าน คืนนั้นดิฉันเห็นคุณสมชายนอนอ่านจนดึก จนถึงวันนี้หนังสือเล่มนั้นยังคงวางนิ่งอยู่ตรงหัวนอนของคุณสมชาย


 


ถ้าวรรณกรรมคือสิ่งซึ่งสะท้อนภาพความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมดังที่มีคนเคยกล่าวไว้ หนังสือเล่มนั้นก็ได้สะท้อนภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างชัดเจน ความจริงที่ชาวมุสลิมถูกกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างโหดเหี้ยมทารุณด้วยความไม่เป็นธรรม ความจริงที่ไม่เคยถูกบันทึกไว้ว่าเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่นำมาซึ่งปัญหาความรุนแรงจนทุกวันนี้ ความจริงที่พื้นที่บางแห่งบนผืนแผ่นดินไทยบทบัญญัติของกฎหมายไม่สามารถเข้าไปถึง ความจริงที่ไม่เคยมีการยอมรับและแก้ไข คุณสุชีพ ณ สงขลา ผู้เขียนวรรณกรรมเล่มนั้นได้เขียนไว้บนหน้าปกหนังสือของท่านว่า


 


เรื่องสมมติกลางเสียงปืนในสามจังหวัดภาคใต้


จากแฟ้มข่าวสะเทือนขวัญของหนังสือพิมพ์ ประชาธิปไตย


"กระสุนนัดละบาท"


หรือเรียกกันในหมู่คนไทยมุสลิมว่า


ซือโก๊ะ แซกอ


 


คุณสุชีพยังได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือเล่มนี้ไว้ประการหนึ่งว่า "จากหลายๆ สาเหตุที่กระผมได้พบเห็นมาเอง และจากผู้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ที่นั่น และที่กรุงเทพฯหลายท่านที่ได้ให้ความกรุณากับผมอย่างดียิ่ง จนสามารถชี้ให้เห็นซึ่งปัญหา และจุดบกพร่องที่ควรกำจัดให้หมดไปจากผืนแผ่นดินไทย โดนเฉพาะต้นเหตุ ... ข้าราชการเลว" [1]


 


เรื่องราวใน ซือโก๊ะ แซกอ คือบันทึกในประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของ 3 จังหวัดภาคใต้ที่เกี่ยวกับความรุนแรงซึ่งกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2518 เมื่อชาวไทยมุสลิม 5 คน ถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหดทารุณ โดยทหารนาวิกโยธิน และนำศพไปโยนทิ้งไว้ที่สะพานกอตอ อ.บาเจาะ จังหวัดนราธิวาส แต่เผอิญมีผู้รอดชีวิตมาได้ 1 คน คือ ด.ช.สือแม บราเซะ ซึ่งถูกแทงจากข้างหลังและถูกตีที่ศีรษะ และสามารถว่ายน้ำเอาชีวิตรอดมาได้ และเป็นพยานสำคัญที่บอกเล่าเรื่องราวความโหดเหี้ยมทารุณนี้ ต่อมาเหตุการณ์นี้จบลงด้วยการทำสัญญาระหว่างญาติผู้ตาย กับ ตัวแทนของ พล.อ.สัณต์ จิตรปฏิมา (ผู้มีอำนาจสูงสุดในการรักษาความสงบสี่จังหวัดภาคใต้ ) เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2518 โดยทางราชการยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่ญาติผู้ตายและผู้บาดเจ็บ [2] แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เกิดประท้วงครั้งใหญ่ของชาวไทยมุสลิม ที่จังหวัดนราธิวาสเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2518 และนำมาซึ่งการสลายการชุมนุมที่มีผู้เสียชีวิตถึง 11 คน


 


ขณะเกิดเหตุการณ์นั้น คุณสมชาย นีละไพจิตร เพิ่งเริ่มเป็นทนายความและมีส่วนในการรับรู้ถึงความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้น และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญประการหนึ่งในการเริ่มต้นการทำงานเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพี่น้องมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามกระบวนการยุติธรรม ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญสืบเนื่องและยาวนานมาจนถึง ...วันที่ 12 มีนาคม 2547 วันที่คุณสมชายถูกทำให้หายตัวไป


 


คุณสมชาย นีละไพจิตร เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่รู้สึกทนไม่ได้เมื่อมีความไม่ชอบธรรมเกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับประชาชนที่ยากจน ขาดความรู้ หลังจากที่มีโอกาสรับรู้ และช่วยเหลือผู้ได้รับความอยุติธรรมมากขึ้น คุณสมชายก็ได้เห็นวิธีปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องต่างๆ ของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพยานหลักฐานเท็จ การตั้งข้อกล่าวหาเกินเลยจากพยานหลักฐานที่พบ การใส่ร้ายป้ายสีประชาชนผู้บริสุทธิ์ เมื่อคุณสมชายรับที่จะทำคดีใดแล้วก็จะทำอย่างเต็มความสามารถ เพื่อที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงบนพื้นฐานของความเป็นธรรม และการเคารพในสิทธิมนุษยชน คุณสมชายจะทำงานด้วยความรอบคอบ และระมัดระวัง จนทำให้เป็นที่หวั่นเกรงของเจ้าหน้าที่รัฐ นับว่ามีทนายความชั้นผู้ใหญ่น้อยคนนักที่สนใจ และมีความเชี่ยวชาญในการทำคดีอาญา เนื่องจากเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าคดีเหล่านี้เป็นคดีที่แทบจะไม่มีค่าตอบแทน โดยเฉพาะเมื่อผู้ถูกกล่าวหานั้นเป็นคนจน เป็นคนด้อยโอกาสในสังคม แต่คุณสมชายก็ยังยืนหยัดที่จะทำหน้าที่ในการปกป้องความเป็นธรรม ในตลอดระยะเวลานานกว่า 30 ปีในการต่อสู้ของคุณสมชายนั้น พบว่าความไม่เป็นธรรมต่างๆหล่านี้ยังคงดำรงอยู่และมิได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย โดยที่ตลอดเวลาผ่านมามิได้มีการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ไม่เคยมีการยอมรับและเปิดเผยความจริง ไม่เคยมีการเยียวยา และไม่เคยมีความยุติธรรมให้กับประชาชนทุกคนอย่างเสมอหน้ากัน


 


ที่ผ่านมาจากอดีตจนถึงปัจจุบันรัฐมองเห็นใครก็ตามที่ไม่พูดภาษาไทย คนนั้นมิใช่คนไทย ใครก็ตามที่แต่งกายไม่เหมือนคนไทย คนนั้นมิใช่คนไทย ใครก็ตามที่คิดไม่ตรงกับเจ้าหน้าที่รัฐ คนนั้นมีศักยภาพที่จะเป็นศัตรูกับรัฐได้ รัฐมองชาวไทยมุสลิมด้วยสายตาแห่งความไม่ไว้วางใจตลอดมา


 


น่าแปลกใจที่ความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นนับแต่อดีตที่ผ่านมานั้นมักหาตัวผู้กระทำความผิดมิได้ แม้เหตุการณ์เผาโรงเรียน 36 แห่งในวันและเวลาใกล้เคียงกันเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2536 จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้แม้แต่คนเดียว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ปล้นปืนเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ที่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดและอาวุธปืนที่ถูกปล้นไปกลับคืนมาได้ และภายหลังเหตุการณ์นั้นไม่นาน คุณสมชาย นีละไพจิตร ก็ถูกบังคับให้หายตัวไป กลางถนนใหญ่ในเมืองหลวง ต่อหน้าผู้คนมากมายโดยไม่มีความเกรงกลัวกฎหมาย ภายหลังจากที่คุณสมชายร้องเรียนเรื่องการซ้อมทรมานผู้ต้องหา 5 คนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเป็นแกนนำในการล่ารายชื่อเพื่อยกเลิกกฎอัยการศึก ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐในการควบคุมตัวผู้ต้องหาได้เกินกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และนำมาซึ่งการสูญหายของประชาชนมากมายใน 3 จังหวัดภาคใต้ สาเหตุ 2 ประการนี้จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณสมชายต้องถูกทำให้หายตัวไปหรือไม่ รัฐบาลคุณทักษิณ ชินวัตร เท่านั้นที่จะต้องเป็นผู้ตอบ


 


ดิฉันใช้ชีวิตร่วมกับคุณสมชายมากว่า 20 ปี ได้รับรู้ถึงความไม่ชอบธรรม และการใช้ความรุนแรงต่างๆมามาก แต่ไม่เคยเห็นความรุนแรงเท่ากับที่ได้เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เลย ไม่มีใครตอบได้ว่าทำไมเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 คนชราอายุ 60 ปีเศษ หรือเด็กวัยรุ่นอายุ 18-19 ปี จึงสามารถหยิบมีด หยิบไม้ขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจรัฐที่มีอาวุธสงครามอยู่ในมือ ทำไมคนเหล่านี้จึงยอมละทิ้งครอบครัว วิ่งเข้าหาความตาย ภายในใจของเขานั้นคิดอะไรอยู่ น่าเสียดายที่ 100 กว่าศพนั้นไม่เหลือรอดชีวิตมาเพื่อที่จะตอบคำถามแก่ครอบครัว และพี่น้องร่วมชาติของเขาได้ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คงเป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นยาวนานมาจากอดีต ซึ่งไม่เคยได้รับการเยียวยา แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ การใช้อำนาจอันมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ การปิดบังข้อเท็จจริง การเลือกปฏิบัติ และการที่ความยุติธรรมมิได้ถูกนำมาเป็นแนวทางหลักในการแก้ปัญหา ดิฉันไม่ทราบว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะสร้างบาดแผลในใจของผู้บริสุทธิ์อีกมากมายเพียงใด และถ้าปัญหานี้ยังไม่ได้รับการเยียวยา แก้ไข ก็เท่ากับว่าเรากำลังสร้างปมเงื่อนใหม่แห่งความเคียดแค้น ชิงชังขึ้นในสังคม และผู้ที่จะได้รับผลกระทบก็คือ ... ลูกหลานเราในวันหน้านั่นเอง


 


การทำให้คนๆ หนึ่งต้องหายตัวไปนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้วในสังคมไทย เพราะวิธีการนี้เป็นวิธีการในการทำลายหลักฐานชั้นเยี่ยม เงียบ ไม่โฉ่งฉ่าง และไม่เหลือร่องรอยไว้ผูกมัดผู้กระทำความผิด โดยที่ผู้กระทำผิดเหล่านั้นไม่เคยคำนึงถึงบุคคลที่อยู่ข้างหลังว่าจะต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเพียงใด คนที่จะทำเช่นนี้ได้ก็คงมีเฉพาะผู้ที่มีจิตใจโหดเหี้ยม อำมหิต เท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อเป็นการกระทำที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ ต้องตระหนักถึงความจริงที่ว่าการกระทำอาชญากรรมใดๆนอกกฎหมายไม่ใช่หนทางของการแก้ปัญหา แต่เป็นการสร้างอาชญากรรมที่เลวร้าย รุนแรง และลุกลามมากขึ้นกว่าเดิม การสร้างสังคมประชาธิปไตยที่เชื่อมั่นในอำนาจของประชาชน เชื่อมั่นในหลักนิติธรรม และยึดถือธรรมมาภิบาล จะถูกทำลายลงหากเจ้าหน้าที่รัฐยังคงกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในการ "อุ้มฆ่า" และทำลายหลักฐานโดยไม่แยแสต่อขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม


 


ในตลอดระยะเวลายาวนานที่ผ่านมาเราพบว่ามีศพไม่มีญาติมากมายที่ถูกนำไปกองรวมไว้ที่สุสาน แต่กลับไม่เคยมีองค์กรใดของรัฐเข้ามาแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงจังในการค้นหาความเป็นธรรมให้กับพวกเขา ไม่เคยมีใครพยายามหาคำตอบว่าเขาคือใคร ถูกกระทำอย่างไร ไม่เคยมีใครพยายามนำเขากลับคืนสู่ครอบครัว สู่คนที่เขารัก และสู่คนที่รักเขา ไม่เคยมีผู้กระทำความผิด และไม่เคยมีผู้ใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ


 


คุณสมชาย นีละไพจิตร เป็นเพียงหนึ่งในบรรดาผู้สูญหาย คุณสมชายไม่ต่างจากผู้สูญหายคนอื่นๆในการไม่ได้รับความความสนใจจากผู้มีอำนาจ ไม่ใส่ใจและปฏิเสธความรับผิดชอบมาโดยตลอด แต่คุณสมชายโชคดี และได้เปรียบผู้สูญหายคนอื่นๆ ตรงที่คุณสมชายได้รับความห่วงใยและใส่ใจจากภาคประชาชน และองค์กรภาคประชาสังคมทั้งในและนอกประเทศมากมาย ที่ผนึกกำลังร่วมแรงใจในการค้นหาความจริง แม้จะกระทำได้อย่างยากลำบากที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบันที่ปัญหาสิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งไร้สาระในสายตาของผู้มีอำนาจในบ้านเมือง คดีการลักพาตัวคุณสมชายน่าจะเป็นคดีแรกที่มีการนำขึ้นสู่กระบวนการพิจารณาของศาล เป็นคดีที่ประชาชนฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาลักพาตัวแล้วทำให้หายไป ในท่ามกลางปัญหาและความกดดันต่างๆมากมาย สุดท้ายศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเชื่อว่ามีการลักพาตัวคุณสมชายจริง โดย พ.ต.ต.เงิน ทองสุก กับพวกอีก 3-5 คน ศาลเชื่อว่ามีการติดตามคุณสมชายในวันเกิดเหตุจริง แต่ศาลก็มิอาจลงโทษในความผิดที่หนักกว่าข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวได้ เพราะขาดพยานหลักฐานที่สำคัญ คือ " รอยเลือด หรือชิ้นส่วนของศพ " ที่จะนำไปสู่ข้อหา ประทุษร้าย หรือฆาตกรรมได้ ตรงนี้เองที่อาจถือเป็นช่องโหว่ของกฎหมายที่ทำให้ผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือมักใช้เป็นวิธีการในการอำพรางข้อเท็จจริง และปกปิดความผิดของตนเอง ในขณะที่ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีพัฒนาการขึ้นอย่างรวดเร็ว และสามารถเป็นเครื่องมือให้ผู้กระทำความผิดสามารถปิดบังซ่อนเร้นพฤติกรรมของตนเองได้มากขึ้น แต่กฎหมายไทยก็ยังคงสงบนิ่งและยังคงความศักดิ์สิทธิอยู่ในที่เดิมโดยมิอาจก้าวทันความเปลี่ยนแปลงต่างๆของโลก ความฉ้อฉล และการอำพรางความจริงของฆาตกรซึ่งได้มีการพัฒนาวิธีการในการปกปิดพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงได้อย่างแนบเนียนยิ่งขึ้น


 


แม้กฎหมายจะได้ลงโทษผู้ลักพาตัวคุณสมชายในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวในโทษหนักที่สุดแล้ว แต่หลังจากนั้นคุณสมชายก็ยังมิอาจกลับคืนสู่ครอบครัว และสังคม แม้ระยะเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด อาจนานจนชั่วชีวิตของดิฉันเอง แล้วคุณสมชายหายไปไหน หลังจากถูก พ.ต.ต.เงิน ทองสุก กับพวก ผลักขึ้นรถแล้วหายตัวไป ? กฎหมายจะแสดงความรับผิดชอบต่อความสูญเสียของครอบครัวและประชาชนทั่วไปได้อย่างไร ? ถึงเวลาแล้วหรือยังที่องค์ความรู้ทางนิติศาสตร์จะทบทวนบทบาทในการที่จะปกป้องและพิทักษ์รักษาความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างแท้จริง โดยองค์ความรู้ที่เรามีอยู่นั้นมีความชัดเจน และยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมมากน้อยเพียงใด เพื่อว่าองค์ความรู้ที่เรามีอยู่จะนำมาซึ่งสังคมที่มีความเป็นธรรม บนพื้นฐานความรู้ที่หนักแน่นและอดทนต่อความเป็นจริงของมนุษย์ และเพื่อว่าองค์ความรู้ที่เรามีอยู่จะไม่เป็นการให้อภิสิทธิ์แก่คนกลุ่มหนึ่งให้เหนือคนอีกกลุ่มหนึ่ง และเพื่อว่าองค์ความรู้ของเราจะไม่ ... แม้กระทั่งเป็นตัวการในการทำลายความเป็นจริง และความเป็นธรรมของมนุษย์ในสังคมเสียเอง


 


อย่างไรก็ตามดิฉันและครอบครัวยังคงเชื่อมั่นในความยุติธรรม แม้ที่ผ่านมาดิฉันเคยได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานยุติธรรมว่า ดิฉันควรเลือกที่จะรับความช่วยเหลือมากกว่าที่จะพยายามแสวงหาความเป็นธรรม เพราะความยุติธรรมไม่เคยมีในโลกนี้ ดิฉันไม่เข้าใจว่าในเมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ยังไม่เคยเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แล้วชาวบ้านธรรมดาๆจะยังสามารถฝากความหวังไว้กับใครได้อีก แต่สำหรับดิฉันแล้วไม่ว่าที่สุดคดีการถูกบังคับให้หายตัวไปของคุณสมชายจะจบลงอย่างไร ดิฉันเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งทุกสิ่งที่ได้บันทึกไว้ในสำนวนคดีนี้จะได้รับการเผยแพร่สู่สาธารณชน และประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินในที่สุด


 


กว่าจะมาถึงวันนี้ดิฉันผ่านอะไรมามากมาย ทั้งความผิดหวังจากหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรม และความหวังที่ถักทอขึ้นจากบรรดากัลยาณมิตร และมิตรภาพของผู้คนร่วมสังคม น้ำใจไมตรีและความกล้าหาญของเด็กผู้หญิงนิรนามซึ่งเป็นประจักษ์พยานสำคัญในคดี รวมทั้งความเสียสละ อดทน และอหิงสาของลูกๆทุกคน สิ่งเหล่านี้เองที่หล่อเลี้ยงหัวใจของดิฉันให้เข้มแข็ง และสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ดิฉันเชื่อว่าบางที่การต่อสู้ของคนเล็กๆคนหนึ่งในสังคมอาจให้บทเรียนกับผู้มีอำนาจบ้างก็ได้ และ ณ วันนี้ดิฉันเชื่อว่า ไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับชีวิตของคุณสมชายก็ตาม คุณสมชายจะไม่เสียใจ แต่จะภาคภูมิใจที่มีโอกาสได้ทำหน้าที่ของมนุษย์คนหนึ่ง และในฐานะบ่าวผู้ภักดีของพระผู้เป็นเจ้าจนถึงที่สุดของชีวิต ... วันนี้ร่างของคุณสมชายคงสงบนิ่งอยู่ ณ ที่ใด ที่หนึ่งโดยปราศจากซึ่งความกลัว ความกังวล และห่วงใย ดิฉันจึงได้แต่ฝากคำถามไปยังผู้มีโอกาสได้พบร่างของคุณสมชาย ดังบทกวี "Death " ของ Harold Pinter ผู้ได้รับรางวัล โนเบล สาขาวรรณคดี เมื่อปี 2548 และในวลีสุดท้ายที่ว่า ....


 


...แล้วคุณ...ได้จูบลาเขา ....แทนฉันหรือเปล่า


อังคณา นีละไพจิตร


12 มีนาคม 2549






[1] สุชีพ ณ สงขลา , ซือโก๊ะ แซกอ , มิตรนราการพิมพ์ พระโขนง กรุงเทพฯ



[2] เล่มเดียวกัน หน้า ( 6 )

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net