นายกิตติพล เวชชบูล

 

หลังจากนัดรวมคนไทยในลอส แอนเจลิส ไปยกป้ายไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการของไทยที่หน้าสถานกงสุลใหญ่ฯ มาแล้วสองหน กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไทยในสหรัฐอเมริกา ก็มีการเลือก "แกนนำ" ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมอย่างเป็นทางการ เขาคือหนุ่มใหญ่มาดสุขุมนาม กิตติพล เวชชบูล

ถือว่าเหมาะสม เพราะเขาคนนี้คือผู้เริ่มต้นโทรศัพท์นัดเพื่อนที่มีแนวคิดเหมือนกันให้มาพบปะสนทนากัน จนกลายมาเป็นกลุ่ม "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไทยในสหรัฐฯ" ในเวลาต่อมา

 

เขาคนนี้บอกว่า เดินทางมาเรียนหนังสือและทำงานในประเทศอเมริกาเมื่อ 40 ปีที่แล้ว เคยทำงานมาสารพัดประเภท ก่อนจะเกษียณมาอยู่แบบสบายๆ สไตล์ "ซีเนียร์" ในอเมริกาเมื่อเจ็ดปีที่ผ่านมา...

 

หนึ่งในสไตล์ชีวิตของซีเนียร์ไทยในอเมริกาก็คือการเดินทางกลับไปเยี่ยมลูกหลานในเมืองไทยปีละหลายๆ ครั้ง... คุณกิตติพล เวชชบูล ก็เช่นกัน

 

"โดยปกติแล้ว ผมไปเมืองไทยปีละประมาณสามครั้ง มีครั้งหนึ่ง ผมนั่งดูทีวีที่บ้านในกรุงเทพฯ ดูช่องเก้า ฟังรายการคุณสนธิ ก็ฟังมาเรื่อยๆ ตอนหลังเขาเปลี่ยนมาเป็นชุมนุมกันที่สวนลุมฯ กัน ผมก็ไป กลับมาอเมริกานี่ นั่งดูทีวีตลอด เห็นว่ากลุ่มที่เข้าร่วม มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากไม่กี่ร้อยคน เพิ่มเป็นหมื่นเป็นแสน ก็เห็นอีกอันหนึ่งว่า คนที่ไปเยอะๆ นี่ วันที่ผมไปฟังที่สวนลุมฯ เห็นว่าที่ขาดคือน้ำ พวกท่านเหล่านั้นไม่มีน้ำดื่มกัน ก็มีความตั้งใจว่าจะส่งเงินไปช่วย นั่นเป็นจุดแรกๆ เลย"

 

แต่จากการติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด ทำให้คุณกิตติพล เวชชบูล ได้ข้อสรุปด้วยตัวเองว่า ปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้นั้น "แก่นของปัญหา" อยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นแนวคิดที่พ้องกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่คบค้าสมาคมกันอยู่

 

"จริงๆ ก็ไม่ได้ติดต่อใคร คือที่บ้านผมนี่ วันหยุดมักมีเพื่อนๆ มาทานข้าวด้วยกัน คุยกัน ก็เกิดไอเดียว่าควรทำอะไรบางอย่าง"

 

คำว่า "บางอย่าง" ของ กิตติพล เวชชบูล นั้น ในชั้นแรกหมายถึงหาทางช่วยเหลือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ชุมนุมประท้วงให้มีน้ำดื่มดับกระหายโดยการรวบรวมเงินส่งไปช่วยเหลือ แต่ในระยะเวลาเพียงไม่นานต่อมา เจตจำนงได้ "ขยายขึ้น" พร้อมๆ กับการมีแนวร่วมสนับสนุนมากขึ้น จนกลายมาเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสหรัฐฯ ดังที่ทราบกัน

 

"คือหนึ่งในแนวคิดของพวกเรา ที่ช่วยๆ กันคิดก็คือ... อยากจะเห็นคนไทยในอเมริกา หรือในแอลเอ ในออเรนจ์เคาน์ตี ได้รับข่าวสารในทุกๆ ด้าน เพราะด้านเดียวไม่พอกับการตัดสินใจ"

 

คนไทยในอเมริกา ไม่ได้รับข่าวสารอย่างเพียงพอหรือครับ

ผมว่าไม่ใช่นะ ผมมองว่าคนไทยในอเมริกาไม่สนใจข่าวสารบ้านเมืองเท่าที่ควรมากกว่า คือเป็นพฤติกรรมของคนที่นี่ เห็นได้ว่า ถ้าเราเข้าไปในกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ข่าวเบสิกของบ้านเมืองเรา เขายังไม่รู้เลย ไม่ใช่ว่ารับข่าวสารด้านเดียว แต่ไม่รู้เลยสักด้านเดียว ก็เลยต้องการรณรงค์ให้คนรู้ข้อมูลข่าวสารทางการเมืองมากขึ้น

 

มองว่านั่นคือสาเหตุที่ทำให้คนในอเมริกาส่วนหนึ่ง สนับสนุนท่านนายกรัฐมนตรีอยู่หรือเปล่า

คนไทยในอเมริกานี่ คือผมว่า การที่ได้รับข้อมูลข่าวสารไม่เท่ากัน ทำให้ความเข้าใจมันต่างกันออกไป คนเหล่านั้นถ้าได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเหมือนกัน ก็น่าจะคล้อยไปตามๆ กัน อย่างผม สมัยหนึ่ง ผมสนับสนุนคุณทักษิณมาก ผมถือว่าเขาเก่งมาก มีความสามารถสูง มีวิชั่นดีเหลือเกิน ไปเมืองไทยก็พยายามไปเชียร์ ไปหาเสียงให้ แต่หลังจากได้ข้อมูลรวมๆ กันแล้ว ทำให้การตัดสินใจของผมเปลี่ยนไป จริงๆ แล้ว คนไทยในอเมริกาไม่ควรถกเถียงกันเรื่องนี้ เพราะการที่เราเห็นไม่ตรงกันก็ไม่ได้แปลว่าต้องไม่เป็นเพื่อนกัน เพราะว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือความสามัคคี ความถูกต้อง การตัดสินใจที่ถูกต้อง หากเห็นไม่ตรงกันก็อาจจะให้ข้อมูลเขาเพิ่มเติมไป ให้เขาได้อ่านได้เห็นมากขึ้น อาจจะเปลี่ยนใจได้

 

นับจากออกมาเคลื่อนไหว มีผลกระทบอะไรหรือยัง

ไม่มีครับ ส่วนใหญ่ที่โทรมาก็คนที่คิดเหมือนๆ กัน คือเราอาจจะอยู่ในกลุ่มที่มีความคิดเห็น หรือสนใจการเมืองเหมือนๆ กันมาแต่แรก

 

ประเด็นสำคัญที่ทางกลุ่มพันธมิตรฯ เห็นว่านายกฯ สมควรลาออก คือเรื่องอะไร

ถ้าเผื่อเราดูจากเหตุผลสิ่งแวดล้อม จากข่าวสารที่เราได้รับ ทั้งจากอินเตอร์เน็ต จากทีวี หรือข้อมูลที่เราหากันมา และที่เราฟังหลายๆ ด้าน คิดว่าคงไม่มีอะไรที่จะรุนแรงกว่าการที่นายกฯ ทักษิณทำกับประเทศเวลานี้ ในวาระที่เขาเป็นนายกฯ ควรจะยุติลงได้แล้ว ถ้าถามว่าทางออกอยู่ตรงไหน บอกว่าทางออกของปัญหาคือ นายกฯ จะต้องออกไป

 

ยกตัวอย่างได้ไหม

เอาสิ่งที่เห็นง่ายๆ ดีกว่า การที่นายกฯ ขายหุ้นโดยไม่เสียภาษี กระทบความรู้สึกคนไทยรุนแรงมาก เพราะคนธรรมดา ต้องเสียภาษีทั้งนั้น แต่คนมีอำนาจสูงสุดกลับไม่ยอมเสียภาษี ผมว่าเป็นเรื่องด่างพร้อยอย่างมาก

 

คำชี้แจงของนายกฯ เมื่อคราวปราศรัยใหญ่ที่สนามหลวง ฟังขึ้นไหม

ไม่ขึ้นครับ เพราะกฎหมายเหล่านั้น ท่านเหล่านี้เป็นคนสร้างขึ้นมาเอง คือถ้าเรามองในแง่ความถูกต้อง ข้อถูกกับข้อผิด มันไม่ถูกหรอกครับ

 

แนวทางการทำงาน คือรับนโยบายจากกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เมืองไทย

ใช่ครับ เรามีการติดต่อกันตลอดเวลา ตัวผมเองก็ติดต่อกับคุณสนธิโดยตรง คืออย่างหนึ่งที่เรารู้ก็คือเขามีความดีใจ คล้ายๆ กับว่ามีคนที่เห็นสิ่งที่เขากระทำกันอยู่ทุกวัน มีแรง มีกำลังใจ เพราะได้รับการสนับสนุนจากทางไกลด้วย

 

เคยส่งเงินไปช่วยเท่าไหร่

เคยส่งไปแล้วครับ ประมาณแสนบาท ส่งไปประมาณสองสัปดาห์ที่แล้ว การรวบรวมเงินก็ยังคงมีต่อไป เราจะพยายามทำอย่างโปร่งใส ทุกครั้งที่มีการรับเงิน จะมีการจดชื่อ เบอร์โทร รวบรวมเงินได้เท่าไหร่ ส่งไปเท่าไหร่ เข้าบัญชีใคร เราโปร่งใสหมดเลย

 

กิจกรรมต่อไปของกลุ่มมีอะไรบ้าง

สิ่งแรกคือการไปชุมนุมหน้าสถานกงสุลใหญ่ฯ ให้มากเท่าที่เราทำได้ วันเสาร์ที่ 11 มีนาคมนี้เราจะไปที่ร้านอาหารรัชดา ไทยคูซีน ในเมืองซานตาเฟ่สปริง หกโมงเย็น เชิญพวกมีความรู้ทางด้านนี้มาพูดบ้าง เป็นฟันด์เรสซิ่งด้วย เราไม่เจาะจง กำหนดอะไรเลย ท่านใดสนใจอยากจะช่วยเหลือกลุ่มพันธมิตรเมืองไทยก็บริจาคเงินมาได้ แล้วก็จะคุยกันวันนั้นด้วยว่าวันที่ 14 มีนาคม เราจะเคลื่อนไหวอย่างไร เพื่อสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรในเมืองไทยที่จะไปชุมนุมที่รัฐสภา

 

อีกอย่างคือ ตอนนี้ เราพยายามขอ Permit ไปชุมนุมประท้วงที่เฟดเดอรัลบิลดิ้ง ถนนวิลเชอร์ เพราะที่นี่เป็นจุดกลางของการ demonstrate ต่างๆ ใครๆ ก็ไปกันที่นั่น และที่ดีมากคือ ทางอีเอสพีเอ็น ซีเอ็นเอ็นจะไปถ่าย ทำข่าวด้วย เราต้องการให้สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ให้ข้อมูลต่างๆ ความไม่ถูกต้องมันออกไปสู่ชาวโลกด้วย

 

มีคนทักท้วงว่า เป็นการประจานประเทศไทย หรือสาวไส้ให้กากิน

คืออย่างนี้นะ ไม่ใช่สาวไส้นะ สิ่งที่เราแสดงออก เป็นการสำนึกในหน้าที่พลเมืองของคนไทย เราสนับสนุนในสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ดี ถ้ามีสิ่งที่บกพร่อง สิ่งไม่ดี เราก็อยากจะประณาม เป็นการแสดงออกของระบอบประชาธิปไตย คนอเมริกันก็คงเข้าใจเพราะมีการชุมนุมกันอย่างนี้เสมอๆ

 

ตอนนี้ มีกลุ่มคนที่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยอมถอยกันคนละก้าว เปิดไฟหน้ารถตอนกลางวัน

ข้อมูลที่ผมได้รับนี่ เรียกร้องให้เปิดไฟหน้า ไม่ใช่ให้เรื่องยุตินะ เพื่อให้แสดงออกถึงความไม่ถูกต้องในประเทศ ขอให้เปิดไฟ คือตอนนี้เหมือนกับบ้านเมืองเราอยู่ในขั้นวิกฤติ อยากบอกให้ชาวโลกรู้ว่าเราไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองเราเลยนี่ ขอให้เปิดไฟหน้ารถ... ในความเห็นส่วนตัวของผม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด จะให้ยุติก็ง่าย ปัญหาในประเทศไทยมีอย่างเดียว คือท่านนายกฯ ถ้าท่านออกไป ปัญหาทุกอย่างก็จบ

 

ขอความเห็นเรื่องที่มีส.ส.ลงสมัครครบทุกเขตใน 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงสระแก้วและสุพรรณ ซึ่งประชาธิปัตย์บอกว่าน่าสงสัย

เข้าใจว่าเป็นการใช้เงินเข้ามาช่วยเหลือพรรคเล็ก ได้ยินมาว่า ส.ส.บางเขตเรียกเงินเพียงแค่ 3-5 หมื่นบาทเท่านั้นเอง ก็ต้องมีการตรวจสอบโดย กกต. ต่อไป

 

แปลกใจไหม

(หัวเราะ) แน่นอนครับ มองชัดๆ เลยว่า something wrong พรรคเล็กนี่ ผมไม่คิดว่าจะมี ส.ส. ลงสมัครทุกเขต มันเป็นไปไม่ได้ บางพรรคนี่ยังมีลูกพรรคไม่ถึงสิบคนเลย ดูจากรูปการณ์ไม่น่าจะเป็นไปได้ แล้วการมีคู่แข่งทุกเขต ทำให้กฎเกณฑ์เรื่องต้องได้ 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งมันล้มไป ทำให้การชนะเลือกตั้งมันง่ายขึ้น

 

คิดว่าเลือกตั้งครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร

ผมไม่อยากเดาเหตุการณ์ ไม่อยากเดา พูดไปตอนนี้คือการเดา มันคาดการณ์ไม่ออก คือผมว่าจุดที่เขาเล่นการเมืองตอนนี้ มันไม่สะอาด

 

ตอนนี้มีอีกกลุ่ม จะรวบรวมคนสนับสนุนนายกฯ

ผมว่าเป็นเรื่องธรรมดาของประเทศเสรี แต่ละคนทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ผมเคารพในความคิดเห็นของคนอื่น ให้เกียรติ คือเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องต้องถกเถียงกัน เพียงแต่เขามีความคิดเห็นอย่างนั้น เชื่อว่าถูกต้องก็ทำไป เราก็จะทำของเราต่อไป เคลื่อนไหวต่อไปตราบใดเหตุการณ์ยังไม่สงบ

 

มีการประสานงานกับคนไทยในรัฐอื่นๆ ด้วยหรือเปล่า

เรามีการติดต่อกันหลายๆ รัฐ พยายามจะรวบรวมรายชื่อกัน ตอนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ คนไปชุมนุมจะมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างรัฐก็มีกิจกรรมต่างๆ เหมือนกัน แต่คนเขาน้อยกว่า ทำอะไรลำบาก เพียงแต่เขามีความคิดเห็นเหมือนๆ กับเราเท่านั้นเอง

 

0 0 0

 

เมื่อให้ฝากข้อความถึงคนไทยในอเมริกา คุณกิตติพล เวชชบูล บอกว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไทยในสหรัฐฯ นั้น คาดเดาไม่ได้ว่าจะมีผลเป็นรูปธรรมอย่างไร แต่อย่างน้อยๆ นั้น กิจกรรมของกลุ่มตนก็คือ การรวบรวมคนที่มีความคิดเห็นทางการเมือง เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของคนที่มีอุดมการณ์ใกล้เคียงกัน และเป็นการให้กำลังใจกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่กำลังต่อสู้ในสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่นอยู่ที่ประเทศไทย...

 

..............................................................................

นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม

ที่มา : ไทยทาวน์ ยูเอสเอนิวส์