ศูนย์ข่าวแปซิฟิกรายงานว่า ม.ล.ชโยทิต กฤดากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนบริษัทซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัทแอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้รายงานผลการทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2549 - 9 มีนาคม 2549 ปรากฏว่า มีผู้แสดงเจตนาขายจำนวนร้อยละ 46.91 ของจำนวนหุ้นที่ทำคำเสนอซื้อทั้งหมดร้อยละ 50.01

ทำให้ภายหลังจากการเสนอขายครั้งนี้แล้ว ซีดาร์ โฮลดิ้งส ถือหุ้นชิน คอร์ป จำนวน 1,571 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 51.98 และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ ถือหุ้นชิน คอร์ป จำนวน 1,334 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 44.14 รวมทั้ง 2 บริษัทถือหุ้นชิน คอร์ป อยู่ 2,905 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 96.12 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

ส่วนใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของชิน คอร์ป มีผู้แสดงเจตจำนงขาย 159,121,700 หน่วย หรือร้อยละ 5.26 จากจำนวนที่เสนอซื้อ 159,416,441 หน่วย หรือร้อยละ 5.27 ซึ่งหากซีดาร์ และแอสเพน ใช้สิทธิแปลงสภาพ จะมีจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มขึ้นจาก 2,905 ล้านหุ้น เป็น 3,064 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 96.31

ทั้งนี้ เกิดคำถามว่า หลังจากที่บริษัทซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทแอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทย่อยของเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ได้รับซื้อหุ้นจากชินคอร์ปอเรชั่นแล้ว สถานภาพของชินคอร์ปจะยังเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หรือไม่

ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตามกฎของตลาดหลักทรัพย์ บริษัทจดทะเบียน จะต้องมีสัดส่วนการกระจายหุ้นต่อประชาชน หรือฟรีโฟลท ร้อยละ 15 ซึ่งค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว แต่หากบริษัทจดทะเบียนมีฟรีโฟลทต่ำกว่าที่กำหนดก็สามารถใช้สิทธิผ่อนผันกับ ตลท. เพื่อเพิ่มสัดส่วนให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดได้ โดย ตลท.จะพิจารณาจากเหตุผลว่าเหมาะสมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้ลงทุนต้องการเห็นชินคอร์ปเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย เพราะเป็นธุรกิจที่คนไทยเป็นผู้ก่อตั้ง จึงเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาและขึ้นกับความต้องการของชินคอร์ป ซึ่งยังไม่แจ้งข้อมูลใด ๆ กับตลาดหลักทรัพย์

......................................

ที่มา: เว็บไซต์ข่าวแปซิฟิก