ภายหลังจากรัฐบาลทักษิณ 2 ได้ประกาศยุบสภา ได้ส่งผลให้รัฐบาลชุดนี้มีสถานภาพเป็นแค่รัฐบาลรักษาการเท่านั้น จนกว่าการเลือกตั้งใหม่จะดำเนินการเสร็จสิ้นและได้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารอย่างเป็นทางการ ประกอบกับสถานการณ์การเมืองขณะนี้ก็ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงการขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งยังต้องมีการบริหารจัดการต่อเนื่อง และโครงการที่ยังไม่ได้ก่อสร้างที่อาจจะต้องเลื่อนการก่อสร้างโครงการออกไป
โดยเฉพาะโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว และจะต้องมีการบริหารจัดการต่อเนื่อง รวมถึงโครงการต่อเนื่องที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งได้แก่ โครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และโครงการเชียงใหม่เวิลด์ มูลค่ามากกว่า 7,000 ล้านบาท บริเวณพื้นป่าอุทยานแห่งชาติเชิงดอยสุเทพ ซึ่งถือเป็นบิ๊กโปรเจ็กต์จากดำริของ พ.ต.ท.
ส่วนโครงการที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง และมีแนวโน้มที่จะต้องเลื่อนโครงการออกไปเช่น 1.โครงการศูนย์ประชุมนานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างศูนย์ส่งเสริมการพัฒนา และกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคเหนือ รวมวงเงินทั้งสิ้น 1,900 ล้านบาท 2.โครงการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มล้านนาที่มีมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านบาท เป็นต้น
ยังไม่รวมถึงโครงการภาคเอกชนที่จะลงทุนที่เชียงใหม่ คือ โรงงานยาสูบที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าจะสร้างบริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มูลค่า 16,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการของภาคเอกชนอื่น ๆ ที่ต้องรอความชัดเจนทางการเมือง เช่น โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ - โรงแรม ในระดับ 5 ดาว เป็นต้น
นายวัชระ ตันตรานนท์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่-ลำพูน และประธานกลุ่มวีกรุ๊ป เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้เป็นตัวบ่งชี้และเป็นปัจจัยสำคัญมากต่อทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนสูงมาก ซึ่งล่าสุดกลุ่มทุนจากประเทศสิงคโปร์ที่มีแผนจะร่วมทุนกับกลุ่มวีกรุ๊ปของตนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ 2 โครงการคือโครงการรีสอร์ทระดับ 5 ดาว และโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่ารวมกันมากกว่า 3,000 ล้านบาท ก็ได้ขอเลื่อนแผนการร่วมทุนออกไปก่อนระยะหนึ่ง เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองของไทยยังไม่แน่นอนและขาดเสถียรภาพ
ทั้งนี้ ในส่วนของการลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดเชียงใหม่ โครงการที่มีการลงทุนเกิดขึ้นแล้วคงต้องเดินหน้าต่อไปให้สำเร็จ แต่ในส่วนของโครงการลงทุนใหม่ ๆ เชื่อว่านักลงทุนคงต้องชะลอการลงทุนออกไปอย่างแน่นอน และหากสถานการณ์ทางการเมืองยังยืดเยื้อและไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ก็เชื่อว่าการลงทุนของภาคเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่อาจหยุดชะงักก็เป็นได้
นอกจากสถานการณ์ทางการเมืองจะมีผลกระทบต่อการลงทุนของภาคเอกชนแล้ว ในส่วนของโครงการภาครัฐหลายโครงการที่เป็นดำริจาก พ.ต.ท.
ด้านนายจุณพงศ์ สาระนาค ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เขต 1 กล่าวว่า โครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ เดินหน้าไปค่อนข้างช้าตั้งแต่ต้น เนื่องจากติดปัญหาหลายด้านทั้งสถานที่ตั้งไม่ลงตัวและผ่านการกลั่นกรองโครงการหลายขั้นตอน ซึ่งล่าสุดโครงการยุบรวมเข้ากับศูนย์เอสเอ็มอีทำให้ต้องมีการปรับแบบแล้วถึง 2 ครั้ง และขณะนี้อยู่ระหว่างการหาผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการ ซึ่งตามกำหนดโครงการจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณกลางปี 2549 แต่จากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ จึงไม่มั่นใจว่าโครงการจะดำเนินการได้ตามกำหนดเวลาหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 2 โครงการจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมภายในปี 2550 อย่างแน่นอน
เจาะเมกกะโปรเจ็กต์ของจังหวัดเชียงใหม่
1.โครงการศูนย์ประชุมนานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่ และโครงการก่อสร้างศูนย์ส่งเสริมการพัฒนา และกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคเหนือ (ศูนย์เอสเอ็มอี) มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของศูนย์เอสเอ็มอีรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 130 ล้านบาท เพื่อนำร่องพัฒนาโครงการในเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ทั้ง 2 โครงการ คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติในหลักการแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการก่อสร้างแต่อย่างใด (ตามกำหนดคาดว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2550)
2.โครงการตลาดกลางสินค้าเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ วงเงิน 314.25 ล้านบาท โดยจะมีการก่อสร้างอาคารขนส่งขนาดใหญ่ 2 อาคาร คาดว่าจะเสร็จในปี 2549 (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
3.โครงการจัดตั้ง
4.โครงการ IT Knowledge Park ของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ประเทศไทย กรอบวงเงิน 362 ล้านบาท (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
5.โครงการจัดตั้งสถาบัน ICT ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรอบวงเงิน 464.3 ล้านบาท (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
6.โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันเขตเศรษฐกิจล้านนา รับผิดชอบโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรอบวงเงิน 19.25 ล้านบาท (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
7.โครงการจัดตั้งศูนย์บริการออกแบบสินค้าหัตถกรรมโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรอบวงเงิน 60.23 ล้านบาท (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
8.โครงการสร้างแนวโน้มแฟชั่นรูปสินค้าหัตถกรรม "ล้านนาสไตล์" โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กรอบวงเงิน 34.8 ล้านบาท (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
9.โครงการเชียงใหม่เมืองแห่งการแสดงสินค้าหัตถกรรม โดยเทศบาลนครเชียงใหม่ กรอบวงเงิน 46.1 ล้านบาท (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
10.โครงการศูนย์กลางไม้ตัดต่อ ไม้ประดับ พืชเกษตร ที่วิทยาเขตแม่เหียะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แก้ไขปัญหาทางการเกษตร โดยจะลดพื้นที่ส่งเสริม เช่น ถั่วเหลือง และข้าวบนที่สูง และจังหวัดเชียงใหม่ควรพัฒนาให้เป็นศูนย์เกษตรที่สูงหรือพืชเมืองหนาว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ คาดว่าจะลงทุนไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท (ยังไม่มีความคืบหน้า)
11.โครงการ E - province มูลค่าลงทุน 570 ล้านบาท โครงการเชียงใหม่ e-province เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานและการบริการประชาชนของหน่วยงานภาครัฐ โดยกำหนดแนวทางการพัฒนา 4 ด้านคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน, ด้าน ICT ด้านการบริหารจัดการ และด้านการบริการประชาชน (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
12.โครงการพัฒนาและขุดลอกแม่น้ำปิง เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำและป้องกันน้ำท่วม (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
13.โครงการปรับปรุงสภาพลำน้ำแม่ข่า มีวงเงินดำเนินโครงการ 32 ล้านบาท (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
14.โครงการฟื้นฟูพื้นที่ลุ่มน้ำแม่สา (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
15.โครงการการพัฒนาเมือง (Green and Clean) ภายใน 2 ปี ใช้งบประมาณ 9,100,000 บาท (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
16.โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ มีแผนงาน 3 ระยะ โดยแผนระยะสั้น มีจำนวน 73 โครงการ งบประมาณ 510 ล้านบาท, แผนระยะปานกลาง มีจำนวน 19 โครงการ งบประมาณ 586 ล้านบาท และแผนระยะยาว 5 โครงการ รวมงบประมาณ 8,032 ล้านบาท (ยังไม่มีความคืบหน้า)
17.โครงการสร้างสวนสาธารณะบริเวณโรงแรมรถไฟเก่า มีพื้นที่จอดรถ อาคารสำนักงาน อาคารเอนกประสงค์ สระว่ายน้ำ พื้นที่นันทนาการ พื้นที่
18.โครงการการลงทุนของ บริษัท ซีวายซี ของ สป.จีน ที่จะลงทุนก่อสร้างโรงงานยาสูบที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าจะสร้างบริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มูลค่า 16,000 ล้านบาท มีการจ้างงานกว่า 1,000 คน (ยังไม่มีความคืบหน้า)
โครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคม ได้แก่-.
1.โครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่สู่ความเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ปีงบประมาณ 2546 - 2549 อนุมัติงบประมาณแล้ว 2,129 ล้านบาท (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
2.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เชียงใหม่ - เชียงราย ระยะทาง 153 กิโลเมตรค่าก่อสร้าง 48,000 ล้านบาท (อยู่ระหว่างการศึกษา)
3.โครงการทางหลวงพิเศษ ลำปาง - ลำพูน - เชียงใหม่ ระยะทาง
4.โครงการปรับปรุงถนนสายเชียงใหม่ - สันกำแพง โดยแบ่งเป็นงบประมาณของกรมทางหลวง 250 ล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 32.9 ล้านบาท ,การประปาส่วนภูมิภาค 45 ล้านบาท, ทศท. คอร์ปอเรชั่น 25.5 ล้านบาท ทั้งนี้งานทั้งหมดจะรวมอยู่ในสัญญาก่อสร้างทางสัญญาเดียวโดยกรมทางหลวง รวมทั้งสิ้น 365,301,107.81 บาท (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
5.การพัฒนาระบบรถไฟชานเมือง (Commuter Train) เชื่อมโยงจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน คาดว่างบประมาณไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท (ยังไม่มีความคืบหน้า)
6.โครงการจัดตั้งสถานีขนส่งตู้สินค้าโดยรถไฟ (Container Yard) เพื่อขนส่งสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรมลำพูน ไปยังท่าเรือ หรือจังหวัดต่างๆ งบลงทุน 601,827,000 บาท (ยังไม่มีความคืบหน้า)
7.โครงการสร้างทางหลวงท้องถิ่น (
8.โครงการก่อสร้างถนนเชียงใหม่ - สารภี - ลำพูน (สายใหม่)
9.โครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 108 ช่วงอมก๋อย - แม่สะเรียง - แม่ฮ่องสอน และทางหลวงหมายเลข 105 จากตาก - แม่ฮ่องสอน (ยังไม่มีความคืบหน้า)
10.โครงการปรับปรุงถนนสาย 108 ช่วงอำเภอจอมทอง - ฮอด ระยะทาง
11.โครงการก่อสร้างถนนจากจังหวัดเชียงใหม่ - แม่ฮ่องสอน ผ่านอำเภอสะเมิง - วันจันทร์ จะร่นระยะทางได้
12.โครงการก่อสร้างถนนเลี่ยงเมืองบริเวณทางหลวงหมายเลข 106 เขตกิ่งอำเภอดอยหล่อ มาบรรจบทางหลวงหมายเลข 108 ในเขตจังหวัดลำพูน จะช่วยลดการเดินทางจากแม่ฮ่องสอน - กรุงเทพฯ
13.โครงการถนนวงแหวนด้านตะวันตก ตอนหางดง - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หมายเลข 121 ขนาด 4 ช่องจราจร ค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 332 ล้านบาท (ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว)
14.โครงการทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 11 กับ 118 (สี่แยกศาลเด็ก) และทางลอดสี่แยกข่วงสิงห์มูลค่าโครงการรวมกันกว่า 500 ล้านบาท (อยู่ระหว่างดำเนินการ ถือเป็นโครงการที่ปัญหาและดำเนินการล่าช้ากว่ากำหนด)
**************