Skip to main content
sharethis




 


ประชาไท—16 ก.พ. 2549 เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดรายการพิเศษ "ไทยในสายตาชาวโลก" มีดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ดำเนินรายการ โดยมีอดีตเอกอัครราชทูตไทย 3 ท่าน ได้แก่ นายอัษฎา ชัยนาม, นายกษิต ภิรมย์ และนายสุรพงษ์ ชัยนาม เป็นผู้อภิปราย



 


สุรพงษ์อัด ทักษิณกล่าวหามาเลเซียพัวพันรัฐประหารเขมร  


นายสุรพงษ์ ชัยนาม กล่าวว่า ภาพการชุมนุมของประชาชนที่รวมพลังกันขับไล่นายกฯ ครั้งนี้ สะท้อนให้ต่างชาติเห็นว่าชาวไทยมีความตื่นตัว และรู้ว่าความหมายของประชาธิปไตยคืออะไร เพราะฉะนั้นต่างประเทศเห็นแล้วว่าไทยมีประชาธปิไตย มีประชาชนที่มีจิตสำนึกรับผิดชอบในระยะยาว


 


นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า นายกฯไม่เข้าใจโลกาภิวัตน์แต่ไปด่าฝ่ายค้าน โลกาภิวัตน์คือการมีส่วนร่วมของประชาชน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนต้องเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่รัฐบาลเป็นที่ตั้ง ดังกรณีเอฟที รัฐบาลรักไทยไม่ได้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งในความเป็นจริงต้องผ่านการเห็นชอบ และมีการอภิปรายในรัฐสภา ให้ประชาชนทำประชาพิจารณ์      


 


ด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ นายสุรพงษ์ระบุว่า ก่อนหน้านี้ไทยกับมาเลเซียมีความสัมพันธ์เป็นพิเศษมาหลายสิบปี แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงหลังมีต้นตอจากนโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากการไม่ยอมรับความแตกต่างความหลากหลายของสังคมไทย โดยการระบุว่ามาเลเซียเป็นเป็นแหล่งฝึกโจรแบ่งแยกดินแดน เป็นการกล่าวว่าเพื่อนบ้านโดยไม่มีหลักฐาน


 


ส่วนกรณีที่ส่งผลให้ชาวกัมพูชาเจ็บแค้นไทยจนเกิดการเผาสถานทูตนั้น เนื่องมาจากก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณจะก้าวขึ้นมามีอำนาจ ได้พยายามสร้างอาณาจักรธุรกิจในกัมพูชา อีกทั้งยังมีประเด็นที่คาใจชาวกัมพูชาคือการรัฐประหารให้กัมพูชาเมื่อประมาณ 7-8 ปีมาแล้วโดยนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของกัมพูชาเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณมีส่วนสนับสนุนการเงินให้กับนายพลสิงสองที่พยายามก่อรัฐประหารดังกล่าว เพราะไม่ชอบใจที่รัฐบาลกัมพูชาลดสัมปทานไอบีซี จาก 99ปี เหลือ 30ปี โดยมีนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดชเป็นผู้ดูแล


      


ส่วนกรณี ที่เกี่ยวกับนายสุรเกียรติ์ นั้น นายสุรพงศ์เปิดเผยว่า ในสมัยที่ นายสุรเกียรติ์เพิ่งมารับตำแหน่งรมว.ต่างประเทศและเดินทางไปประเทศจีน นายสุรเกียรติบอกกับประธานาธิบดีเจียงเจ๋อหมินว่า รัฐบาลไทยจำเป็นต้องออกมาตำหนิกรณีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ว่าที่ใดในโลก แต่ขอให้นายเจียงไม่ต้องสนใจสิ่งที่รัฐบาลพูด เพราะเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยจำเป็นต้องทำเพื่อไม่ให้ประชาชนไม่พอใจ


      


นายสุรพงศ์แฉพฤติกรรมของนายสุรเกียรติ์เพิ่มเติมว่า เวลาไปเยือนต่างประเทศ ต้องรายงานผลการเยือนให้นายกฯ ซึ่งต้องทำฉบับที่รายงานตามความเป็นจริงไว้ฉบับหนึ่ง และให้ทำไว้อีกฉบับเขียนตามที่สุรเกียรติ์ให้สัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์ เมื่อส่งฉบับแรกไปจะโดนแก้ และต้องใช้ฉบับที่รายงานตามคำให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์แทน


 


กษิตชี้ ทักษิณตกธรรมาภิบาล ส่วนสุรเกียรติ์พฤติกรรมทราม  


นายกษิต ภิรมย์ กล่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ สอบตกเรื่องธรรมาภิบาลไปแล้ว หากอยู่ต่อจะทำให้เสียหายในสายตาต่างชาติกว่านี้


 


"ในประเทศศิวิไลซ์อื่นๆ นักการเมืองที่ยังดำเนินธุรกิจครอบครัวอยู่ต้องลาออก ณ วินาทีนั้น เลย เขารังเกียจ แต่เขารักษามารยาท ไม่พูด แต่คิดอยู่ในใจ"


      


นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงนโยบายเอฟทีเอไทยกับญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ว่าเป็นการดำเนินนโยบายที่ชักเข้าชักออก ไม่มีการเตรียมการ มีการทำงานแบบผิวเผิน เช่น ในการเจรจาเอฟทีเอโดยเฉพาะกับสหรัฐฯ ยังไม่มีเอกสารเจรจากลางที่อยู่ในมือของคณะเจรจาร้อยคน แต่ละคนก็ว่ากันไป พอคณะกรรมาธิการต่างประเทศขอดูก็ไม่มีให้ดู


      


นายกษิตกล่าว่า ท่าทีของรัฐบาลไทยคือชอบทำในสิ่งที่ประชาคมโลกไม่สบายใจ แม้แต่กลุ่มประเทศอาเซียนเองยังข้องใจว่าทำไมจึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลทหารพม่าเหลือเกิน ซึ่งเป็นเพราะพ.ต.ท.ทักษิณมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับพล.อ.ขิ่นยุ้นต์มากมาย ทั้งๆ ที่พม่าไม่มีใครอยากคบในโลกนี้ แตรัฐบาลไทยรักไทยเป็นรัฐบาลเดียวที่รักและทะนุถนอมความสัมพันธ์กับพม่าอยู่ตลอด


      


นายกษิตยังให้ข้อมูลเพิ่มกรณีเขมรด้วยว่า นอกจากนพ.พรหมินทร์จะเป็นผู้จัดการชินคอร์ปในเขมร ยังมีอีก 2 คนที่สนิทกับฮุนเซนก็คือนายพันศักดิ์กับนายสุรเกียรติ์ ทั้งนี้นายสุรเกียรติ์เปรียบเสมือนรัฐมนตรีเงา อ้างว่าส่งไปเพื่อทำความรู้จัก และคิดว่าซื้อฮุนเซนได้และจะปฏิวัติเขาด้วย เลยถูกสอนมวยด้วยการเผาสถานทูต


 


นอกจากนี้ การคัดเลือกสถานที่เพื่อทำ "ไทยแลนด์พลาซ่า" เป็นศูนย์กลางการขายสินค้าโอทอปในนครนิวยอร์ก สมาคมนักธุรกิจไทยที่นิวยอร์กคัดค้านการเช่าอาคารที่ทางรัฐบาลเลือกมาตั้งแต่ต้น โดยส่งโทรเลขมาแสดงความไม่เห็นด้วยที่ประเทศไทยหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากเห็นความผิดปกติว่าอัตราเช่าต่อตารางฟุตแพงกว่าที่ควรเป็นถึง 10 เท่า และสัญญาเช่ายังยาวนาน แต่กลับถูกคนบางกลุ่มฟ้องร้องตลอดเวลาว่าไม่เคารพนโยบาย


      


นายกษิต เปิดเผยว่า ยุคที่นายสุรเกียรติ์ดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ ถือเป็นยุคมืดของกระทรวง ทั้งนี้ เคยถูกนายสุรเกียรติ์โทรเลขสั่งการให้ลงนามในเอกสารทำสัญญาว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ เพื่อการหาเสียงเป็นเลขายูเอ็นของนายสุรเกียรติ์ แต่ได้ยืนกรานปฏิเสธกดดนขู่จะให้ลงนาม จึงบอกว่าให้หาทูตคนใหม่


 


"เขาคิดว่าถ้าจ้างสองบริษัทนี้จะได้ตำแหน่ง เพระาคิดว่าจะซื้อเชนีย์กับบุชได้ ถือเป็นการดำเนินนโยบายที่เลวทราม ตอนเดือนกันยายนที่ทักษิณคุยกับบุช บุชก็บอกว่าอยากได้ผู้สมัครที่มีประวัติการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผมก็รายงานไปตามนั้น เขาก็บอกว่าผมไม่รักชาติ"


          


นักธุรกิจคือนักธุรกิจเห็นแต่ตัวเอง


ด้านนายอัษฎา ชัยนามกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นตัวอย่างของนักธุรกิจ ที่เป็นนักธุรกิจอยู่ตลอดเวลา จึงเห็นแต่ผลประโยชน์ของตัวเองและพวกเป็นสำคัญประโยชน์


 


 "ตอนเจรจาเรื่องโทรคมนาคม รัฐบาลไทยบอกเลยว่าต้องการใช้กฎของ WTO (องค์การการค้าโลก) ซึ่งยากและให้ประโยชน์ต่อเรา แต่เรื่องอื่นเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เจรจาไปก็แพ้ตลอด เห็นได้ชัดว่าถ้าเป็นผลประโยชน์ของตัวเองเขาจะรักษา แต่ประโยชน์ของประชาชนไม่เคยสนใจ" นายอัษฎากล่าว


      


นายอัษฎากล่าวถึงการเดินทางของนายกฯไปยังต่างประเทศว่า ส่วนใหญ่เพื่อสร้างภาพ ไม่ได้ทำอะไร มีบางครั้งที่ผิดปกติเช่น ไปอินเดีย 2 ครั้ง เรื่องดาวเทียมให้เช่า และไปเจอกับรัฐบาลพม่าที่เวียดนาม หลังจากนั้นก็ตามมาพบกับนายกฯพม่า คือเน้นเรื่องผลประโยชน์ตัวเอง


 


นายอัษฎาแฉด้วยว่า รัฐบาลไทยเกือบเสียเงิน 4,000 ล้านในการให้พม่ายืม แต่ติดที่ระเบียบของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงค์) ซึ่งระบุว่าการให้เงินกู้แก่ต่างชาติจำเป็นต้องมีหน่วยงานที่เชื่อถือได้ของประเทศนั้นๆ เป็นผู้ค้ำประกัน


 


กรณีการกู้ยืมนี้ทางรัฐบาลกดดันให้ใช้บริษัทอินเทอร์เน็ตเล็กๆ ซึ่งมูลค่าไม่กี่ล้านบาทของลูกชายพล.อ.ขิ่นยุ้นต์ เป็นผู้ค้ำประกัน แต่นายสถาพร ชินะจิต ผู้อำนวยการใหญ่ของเอ็กซิมแบงค์ไม่ยอม ภายหลังจึงต้องเจรจาใหม่ให้กระทรวงการคลังของพม่าเป็นผู้ค้ำประกัน มิเช่นนั้นตอนบริษัทของลูกชายพล.อ.ขิ่นยุ้นต์ถูกกระทรวงกลาโหมยึด เมื่อผู้เป็นบิดาสิ้นอำนาจเงินก้อนนี้คงสูญไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net