Skip to main content
sharethis


ประชาไท - สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยแพร่ผลการสอบสวนคดีเวบไซต์อื้อฉาว อันเป็นกรณีที่ สนธิ ลิ้มทองกุล เคยใช้กล่าวหาบุคคลในรัฐบาลว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้การสนับสนุนเวบไซต์นี้ โดยระบุว่าเวบไซต์ดังกล่าว มีผู้ดำเนินการเป็นกลุ่มเดียวกัน เพื่อสร้างความแตกแยกและความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และบั่นทอนความศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งผลการสอบสวนโดยสรุป มีดังนี้

 


0 0 0


 


ข้อเท็จจริง สรุปผลการสืบสวนกรณีเว็บไซต์ Pulo.org และ Manusaya.com


http://www.dsi.go.th/dsi/news_index.jsp?id=1290


โดย พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ,ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม


 


ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวสารอันเป็นเท็จ ทางสื่อมวลชน ทางเว็บไซต์ กระดานข่าว และอีเมล์ กล่าวหาว่าเว็บไซต์ manusaya.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จาบจ้างสถาบันเบื้องสูงนั้น จัดทำโดยคนในรัฐบาล โดยมีที่ตั้ง Server ของเว็บไซต์อยู่ในทำเนียบรัฐบาล และได้รับการสนับสนุนการเงินจากคนในรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพื่อความกระจ่างชัด จึงขอเสนอข้อเท็จจริงให้ทราบดังนี้....


 


เว็บไซต์ www.pulo.org และ www.manusaya.com ได้ใช้บริการเครื่อง Server และเครือข่ายของบริษัท Netfirms ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ประเทศแคนนาดา โดยผู้จัดทำได้ใช้ IP address หมายเลข 213.66.141.229 ซึ่งจากการตรวจสอบทางเทคนิคยืนยันได้ว่า ใช้จากบ้านที่ Vikinga.... เมืองลุนด์ ประเทศสวีเดน และจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ผู้เกี่ยวข้องที่ได้กระทำผิดในเบื้องต้นคือ นายชิบลีย์ ปูตรา เจะเง๊าะ (Shiblee Putra Jehngoh) และ นายอับดุลรอสะ เจะเง๊าะ (Abdulrosa Basil Jehngoh)


 


จากการสืบสวนสอบสวนตลอดมานั้น ยังไม่เคยมีหลักฐานสิ่งใดบ่งชี้ว่า เว็บไซต์ทั้งสองนั้น เคยใช้ Server ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย แต่อย่างใด และยังไม่เคยมีหลักฐานสิ่งใดบ่งชี้ว่า มีคนไทยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่กลุ่มบุคคลดังกล่าว แต่อย่างใด (เพราะในข้อเท็จจริงนั้น การทำเว็บไซต์ดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย คือประมาณเดือนละ 200 บาทเท่านั้น จึงไม่จำเป็นจะต้องรับการสนับสนุนด้านการเงินจากผู้ใด)


 


ในด้านการดำเนินคดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับอนุมัติจาก คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ให้กรณีกล่าวเป็นคดีพิเศษ ที่ 31/2547 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2547 ซึ่ง สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวน แสวงหาหลักฐานต่างๆ ตลอดมา จนสามารถขออนุมัติต่อศาลอาญา เพื่อออกหมายจับ นายชิบลีย์ ปูตรา เจะเง๊าะ และ นายอับดุลรอสะ เจะเง๊าะ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3758/2548 ลง วันที่ 30 กันยายน 2548 และหมายจับศาลอาญาที่ 235/2549 ลง วันที่ 17 มกราคม 2549 ตามลำดับ


 


ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ ต่อไป


 


 เว็บไซต์ pulo.org และ manusaya.com ได้แบ่งหน้าที่กันเผยแพร่ข่าวสารโดย เว็บไซต์ pulo.org จะทำหน้าที่บิดเบือนข่าวสาร ยุยงให้เกิดความแตกแยกระหว่างชาวไทยมุสลิมกับชาวไทยพุทธ มุ่งหวังที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน ส่วนเว็บไซต์ manusaya.com จะทำหน้าที่จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง เพื่อลดความศรัทธาต่อสถาบัน เพราะชาวไทยในเขต 3 จังหวัดภาคใต้นั้น ส่วนใหญ่ยังคงให้ความเคารพศรัทธาต่อสถาบันเบื้องสูงอย่างเหนียวแน่น


 


การที่เว็บไซต์ทั้งสอง ได้แบ่งหน้าที่กันเผยแพร่ และได้พยายามปกปิดสถานะที่แท้จริง ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่อาจทราบได้ว่า กลุ่มผู้จัดทำเว็บไซต์ manusaya.com ซึ่งกล่าวโจมตี จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงนั้น ที่แท้จริงคือกลุ่มเดียวกับ กลุ่มผู้ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนพูโล


 


บางครั้งกลุ่มพูโลได้ใช้กระดานข่าวในเว็บไซต์ชั้นนำต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการโจมตีรัฐบาล บิดเบือน แต่งเรื่องสร้างข่าว โดยการทำเป็นชาวไทยพุทธด่าว่าไทยมุสลิม และทำเป็นชาวไทยมุสลิมด่าว่าชาวไทยพุทธ เพื่อสร้างความแตกแยก ทั้ง ๆ ที่เป็นชาวไทยด้วยกัน


 


ปัจจุบันกลุ่มพูโลได้อาศัยเหตุการณ์ทางการเมืองพยายามบิดเบือนสร้างกระแส โดยได้ทำการเผยแพร่ข่าวสารทางเว็บไซต์ กระดานข่าวและอีเมล์ โยนความผิดและกล่าวหาว่าเว็บไซต์ manusaya.com จัดทำโดยคนในรัฐบาล โดยมีที่ตั้ง Server ของเว็บไซต์อยู่ในทำเนียบรัฐบาล และได้รับการสนับสนุนการเงินจากคนในรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวมุ่งหวังให้เกิดความแตกแยกขึ้นในระหว่างประชาชนกับรัฐบาล อันจะเป็นประโยชน์ต่องานของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนโดยตรง รายละเอียดปรากฏตามพยานหลักฐานที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น


 


จึงขอกราบเรียนให้ พี่น้องประชาชนชาวไทย ได้ทราบในข้อเท็จจริง เพื่อโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารต่อไป


 


พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน


ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ


กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net