จากนโยบายเร่งด่วนที่จังหวัดเชียงใหม่พยายามเร่งรัดให้มีการก่อสร้างพนังกั้นน้ำปิง เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยจัดให้มีประชาพิจารณ์ในรูปแบบของการเลือกรูปแบบพนังกั้นน้ำที่จะสร้าง
สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เห็นว่าประเด็นดังกล่าว ควรที่ประชาคมชาวเชียงใหม่ต้องเร่งระดมความคิดเห็น เนื่องจากการทำประชาพิจารณ์ดังกล่าว เป็นไปในลักษณะมัดมือชก คือต้องสร้างพนังกั้นน้ำอย่างแน่นอน อยู่ที่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนเท่านั้น โดยไม่ได้ตั้งคำถามว่าควรสร้างหรือไม่ จึงมีการประชุมระดมความเห็นขึ้นที่ สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2549 ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนจากหลายกลุ่มเข้าร่วมประชุม
รศ.ชูโชค อายุพงศ์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในคณะกรรมการป้องกันน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมา เสนอในที่ประชุมโดยมองว่ามาตรการที่ควรดำเนินการอย่างเร่งด่วนจริงๆคือการเตือนภัยล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้ทราบว่าน้ำจะท่วมถึงระดับไหน เป็นเวลานานเท่าไร และสามารถรับมือได้ทันท่วงที เพราะในความเป็นจริงเราไม่สามารถต้านธรรมชาติได้ แม้แต่การทำบายพาสก็ไม่ได้ผล เพราะธรรมชาติของลำน้ำคือจะอยู่ในจุดที่ต่ำมาก ไม่ว่าจะพยายามเบี่ยงเบนออกไปทางไหน น้ำก็จะไหลกลับเข้ามาอยู่ดี
มาตรการอีกอย่างหนึ่งคือการชะลอน้ำหลาก ซึ่งโครงสร้างที่สามารถรองรับน้ำได้มากๆก็ไม่พ้นเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ หรืออาจทำแก้มลิง ที่จะช่วยในเรื่องภัยแล้งด้วย แต่ต้องชั่งน้ำหนักต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย การสร้างพนังกั้นน้ำควรเป็นทางเลือกท้ายสุด
ข้อสังเกตที่น่าคิดคือ ฝนตกไม่ได้ทำให้น้ำท่วมทุกปี หากคิดว่าโอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ตัวเมืองเชียงใหม่อยู่ที่ประมาณ 40 ปีต่อครั้ง พนังกั้นน้ำจึงใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก เทียบกับโอกาสเสี่ยงดังกล่าว ในขณะเดียวกันจะก่อผลเสียด้านอื่นๆอย่างมาก จึงควรต้องชั่งน้ำหนักให้ดี และการสร้างพนังกั้นน้ำ อาจสร้างภาพให้คนทั่วไปเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดเหตุการณ์น้ำหลากขึ้นมา
ดร.ดวงจันทร์ อาภาวัชรุฒน์ เจริญเมือง สถาบันวิจัยสังคม มช. ตั้งข้อสังเกตว่าเท่าที่ทราบคือตอนนี้มีการเตรียมเซ็นสัญญากับผู้รับแล้ว ในภาวะเร่งด่วนซึ่งคนจำนวนมากไม่ได้เข้าร่วมประชุม จึงต้องมาพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรในการระงับโครงการนี้ ซึ่งเห็นว่าจะไม่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
นายสุรชัย เลียวสวัสดิพงศ์ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์พลเมืองเหนือ ชี้ถึงประเด็นที่ต้องตั้งคำถามกลับไปยังกรมโยธาธิการ คือการตัดถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ขวางลำน้ำปิง เป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ โดยหากมองจากภาพถ่ายทางอากาศขณะที่เกิดน้ำท่วม จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เป็นตัวกั้นขวาง ทำให้น้ำระบายได้ช้า การใช้มาตรการเร่งด่วนในการสร้างพนังได้สร้างข้อกังขาเกี่ยวกับการนำงบประมาณมาใช้อย่างไม่ถูกต้อง นอกจากนั้นหากสองฝั่งน้ำปิงมีแต่ผนังคอนกรีต จะเรียกได้ว่าเป็นทัศนะอุจาดอย่างยิ่ง
ด้านตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำเหมืองฝายท่าวังตาล ชี้ให้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมในการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ โดยการโยนความผิดว่าฝายเป็นสาเหตุของน้ำท่วม เป็นตัวกีดขวางทางเดินน้ำ ทั้งที่ตัวฝายอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำปกติ และจะกั้นน้ำได้ในช่วงหน้าแล้งเท่านั้น หากรื้อฝายทิ้งชาวบ้านจะประสบปัญหาในการใช้น้ำอย่างมาก โดยกล่าวด้วยว่าล้านนาไม่เคยมีสงครามแย่งชิงน้ำเกิดขึ้น แต่กำลังจะเกิดในยุคนี้ พร้อมกันนั้นได้ยังได้เรียกร้องให้มีการรื้อถอนการรุกล้ำลำน้ำอย่างเท่าเทียมกันทั้งภาครัฐและเอกชนด้วย
บทสรุปในที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ขอคัดค้านการก่อสร้างพนังคอนกรีตกั้นแม่น้ำปิง โดยให้เหตุผลดังนี้ 1.ไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้จริง 2.ทำลายเอกลักษณ์และภูมิทัศน์ริมฝั่งน้ำปิง 3.ทำลายระบบนิเวศของสัตว์น้ำและพันธุ์พืช 4.ทำลายรายได้จากการท่องเที่ยว 5.ทำลายจิตวิญญาณ เนื่องจากแม่น้ำปิงเป็นหนึ่งในชัยมงคลเจ็ดประการของเชียงใหม่ 6.ทำลายสุขภาพจิตของคนที่อยู่อาศัยริมฝั่งน้ำและผู้ที่พบเห็น 7.ยังไม่มีการศึกษาวิจัยผลกระทบด้านการบริหารจัดการน้ำ สิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพ อย่างถ่องแท้ 8.ยังไม่ใช่การแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเบ็ดเสร็จ 9.เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และสิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ และ 10.ยังไม่ได้มีการจัดการกรรมสิทธิ์ที่ดินริมแม่น้ำปิง
ที่ประชุมลงมติว่าไม่ควรสร้างพนังกั้นน้ำปิงไม่ว่ากรณีใดๆ โดยจะยื่นต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อพิจารณา รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวให้ชาวเชียงใหม่ทั่วไปได้รับทราบ และร่วมกันแสดงความคิดเห็นต่อไป
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)