เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทักษิณ และเครือข่ายพันธมิตรเพื่อการปฏิรูปการเมืองภาคเหนือ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องทักษิณทำตามเคารพเจตนารมณ์ของกติกา ระบุการเลือกตั้ง 2 เมษา เปลืองงบประมาณ โดยเนื้อหาในแถลงการณ์มีรายละเอียด ดังนี้
แถลงการณ์ฉบับที่ 5
เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทักษิณ
เครือข่ายพันธมิตรเพื่อการปฏิรูปการเมืองภาคเหนือ
ณ สนามวอลเลย์บอล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ /17 มีนาคม 2549
กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามที่จะหลบเลี่ยงการแก้ไขปัญหา อีกทั้งยังพูดจากลับไปมาจนทำให้ประชาชนเกิดความสับสนว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองนี้อย่างไร แม้ว่าพีเน็ตเสนอตัวเป็นองค์กรกลางในการจัดให้มีการเจรจาหารือ 3 ฝ่ายระหว่างตัวแทนฝ่ายค้าน รัฐบาล และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อหาทางออก
ขณะที่ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคฝ่ายค้านนั้นพร้อมที่จะเจรจาอย่างเปิดเผย พ.ต.ท.ทักษิณก็อ้างว่าพร้อมจะเจรจาแต่มีเงื่อนไขจะต้องมี ทปอ.เป็นตัวกลางร่วมด้วย และจะต้องเป็นการเจรจาโดยไม่ผ่านสื่อ และต่อมาล่าสุดก็บอกว่าจะผ่านสื่อก็ได้ แต่ก็มีเงื่อนไขว่าพันธมิตรจะต้องยุติการชุมนุม เป็นต้น การโยกโย้และหลบเลี่ยงการแก้ไขปัญหาเพราะกลัวความจริงทำให้สถานการณ์ทางการเมืองอยู่ในภาวะตีบตันมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงวันนี้ ประชาชนจำนวนมากจากหลายสาขาอาชีพ จากหลายจังหวัดออกมาสนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น กลุ่มแพทย์-พยาบาลจากโรงพยาบาลรามาธิบดี กลุ่มนักธุรกิจเพื่อสังคม ประชาชนตามหัวเมืองในจังหวัดต่างๆ กว่า 20 จังหวัด โดยมีข้อเสนอตรงกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เพราะเป็นต้นตอสำคัญของปัญหา เฉพาะอย่างยิ่งการทำลายระบบตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะอ้างเรื่องการทำตามกฎกติกา เช่นว่าจะต้องมีการเลือกตั้ง ก็เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 เมษายนที่จะถึงนี้ขาดความชอบธรรมโดยสิ้นเชิง หากยังคงดึงดันให้มีการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าหลังการเลือกตั้งแล้วก็ไม่สามารถประชุมสภาได้ เพราะเสียงของ ส.ส.ไม่ครบ 500 เสียง ก็จะเป็นการสูญเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ถึงกว่า 2 พันล้านบาท
ดังนั้นเครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทักษิณ และเครือข่ายพันธมิตรเพื่อการปฏิรูปการเมืองภาคเหนือจึงขอเรียกร้องเพื่อแก้วิกฤตการณ์ทางการเมือง ดังนี้
1.พ.ต.ท.ทักษิณต้องยุติการหลบเลี่ยง หนีปัญหา และพูดจาโยกโย้ไปมาหาแก่นสารไม่ได้ ด้วยการลาออกอย่างไม่มีเงื่อนไข
2.การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นวันที่ 2 เมษายนนี้ ควรจะเลื่อนออกไปก่อนจนกว่าการแก้ไขปัญหาทางการเมืองนี้จะได้รับการแก้ไข ซึ่งหมายถึงต้นตอปัญหาคือ พ.ต.ท.
3.พ.ต.ท.ทักษิณ และรักษาการรัฐมนตรีทั้งหลายต้องยุติการทำลายกติกาของระบอบประชาธิปไตย โดยเน้นย้ำว่าประชาชนต้องไปใช้สิทธิในการเลือกตั้ง และยุติการชุมนุม โดยที่ปัญหาที่ประชาชนออกมาคัดค้านต่อต้านก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
การกระทำเช่นนี้ เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่าระบอบประชาธิปไตยมีเพียงแค่ในระบบรัฐสภาเท่านั้น ส่วนการชุมนุมประท้วง หรือการแสดงความเห็นนอกระบบรัฐสภานั้นถือว่าไม่ได้ทำตามกติกา ถือเป็นการบิดเบือนหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ที่เปิดให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมแสดงความเห็นไม่ว่าจะเป็นเสียงมาก หรือน้อย
ที่ผ่านมามีกรณีตัวอย่างชี้ชัดว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ทำลายระบอบประชาธิปไตย เช่น การปิดกั้นเสรีภาพสื่อมวลชน การไม่นำข้อเจรจา FTA ให้รัฐสภาได้รับรู้ การทำลายกลไกอิสระในการตรวจสอบรัฐธรรมนูญ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงน่าจะตรวจสอบดูตัวเองมากกว่าจะใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น.
เครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทักษิณ และเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเมือง ประกอบด้วย
1.คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนชนบท ภาคเหนือ
2.สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ
3.เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี เอดส์ภาคเหนือ
4.คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ภาคเหนือ
5.ภาคีคนฮักเชียงใหม่
6.วิทยาลัยการจัดการทางสังคม
7.เครือข่ายคนทำงานด้านยาเสพติด
8.เครือข่ายชุมชนเมืองเชียงใหม่
9.กลุ่มผู้ป่วยมลพิษจากโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
10.เครือข่ายป่าชุมชนจ.น่าน
11.เครือข่ายผู้ใช้น้ำลุ่มน้ำปิงตอนล่าง 11 ฝาย
12.เครือข่ายทรัพยากรลุ่มน้ำแตงตอนบน อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
13.เครือข่ายกลุ่มเกษตรกรภาคเหนือ
14.เครือข่ายป่าชุมชนอ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
15.ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น
16.www.localtalk2004.com
17.เครือข่ายสื่อประชาชนภาคเหนือ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)