นักวิชาการเสียงแตกแนวความคิด "ราชประชาสมาสัย" แก้ปัญหาสถานการณ์การเมือง นักวิชาการเหนือชี้มาตรา 7 ยังไม่ถึงเวลา อีสานเห็นด้วย"ในหลวง" ทรงแนะแนวทาง ย้ำ "ทักษิณ" ออกแก้ปัญหาได้ สมาคมสตรีนักธุรกิจเตรียมเคลื่อนไหวให้ยุติขัดแย้ง การเมืองป่วนทำคนอีสานเครียดแห่เข้าโรงพยาบาลจิตเวช
วันที่ 19 มี.ค. จากกรณีที่สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาทนายความได้ร่วมกันเสนอทางออกให้ทุกฝ่ายร่วมแสดงพลังเพื่อขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานแนวทางต่อการกู้วิกฤตการเมืองที่เข้าสู่วิกฤตขณะนี้ หรือ ที่เรียกว่าการร่วมราชประชาสมาสัย นั้น
ศ.ดร.
ด้าน ผศ.
นักวิชาการเหนือระบุยังไม่ถึงเวลาใช้ม.7
นาย
ด้านนายแพทย์
"สถานการณ์การเมืองขณะนี้แม้จะวุ่นวาย แต่ก็ยังไม่ถึงจุดคับขันขนาดที่รัฐธรรมนูญหมดสภาพใช้ไม่ได้ ซึ่งปมปัญหาเดียวที่สำคัญอยู่ที่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่า หากยอมลาออกก็จะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด เพราะขณะนี้พลังมวลชนที่คัดค้าน พ.ต.ททักษิณ มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทั้งประชาชน นักธุรกิจ ที่ออกมาร่วมพลังกัน ได้มองเห็นแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขาดความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งทางการเมือง" ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย กล่าว
อีสานเห็นด้วย "ทักษิณ" ออกแก้ปัญหาได้
ด้านนาย
ขณะที่ ผศ.
"เจิมศักดิ์" หนุนขอพระราชทานรัฐบาลชั่วคราว
นาย
"ไม่เถียงว่า การเลือกตั้ง เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่ทางออกทางเดียวในการแก้ปัญหาวิกฤติของบ้านเมือง การที่ประชาชนทุกหมู่เหล่าจะร่วมกันขอให้พระองค์ลงมาแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองก็เป็นเพียงการมีส่วนร่วมของประชาชนในประบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญท่ามกลางวิกฤติของผู้นำ"นายเจิมศักดิ์ กล่าวและว่า
การมีรัฐบาลพระราชทานตามมาตรา 7 ถือเป็นรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่าจะปล่อยให้ปัญหาของชาติบานปลาย จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้และเชื่อว่าผู้ที่สนับสนุนนายกฯและผู้ที่คัดค้านก็คงจะเห็นด้วยกับแนวทางออกนี้
นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า การใช้กระบวนการมาตรา 7 เป็นวิธีการหนึ่งที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศรูปแบบหนี่งที่ผ่านพระมหากษัตริย์และจะเป็นการลดการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย จากการที่ตนไปสัมมนาที่ต่างจงหวัดมีประชาชนถามว่าการมาตรา 7 เป็นการคืนพระราชอำนาจใช่หรือไม่ ตนก็เห็นว่า ไม่ใช่เป็นการคืนพระราชอำนาจ แต่เป็นการแก้ปัญหาวิกฤติของบ้านเมืองชั่วคราว ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ยอมรับได้
"โลกนี้ไม่ใช่มีขาวกับดำเท่านั้น เหมือนกับระบอบประชาธิปไตยที่ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่มีแค่การเลือกตั้ง แต่ต้องเป็นเรื่องที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม การที่ประชาชนจะร่วมกันเรียกร้องให้ใช้มาตรา 7 ถือเป็นการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยทางหนึ่ง ขณะนี้แม้แต่ทหารเองก็ยังถูกปิดกั้นไม่ให้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาบ้าเมือง แต่กลับมองว่าทหารจะออกมาปฏิวัติ ทั้งๆที่ทหารก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ก็ต้องมีสิทธิในการแก้ปัญหาบ้าเมืองเช่นเดียวกับข้าราชการ จึงอยากเรียกร้องให้ทหารและข้าราชการได้เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อขอให้มีรัฐบาลพระราชทาน"นายเจิมศักดิ์ กล่าว
แนะผุดฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัตแห่งชาติ
รายงานข่าวแจ้งว่า วิธีการฝ่าทางตันประการหนึ่งคือ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องหันหน้ามาปองดองกันโดยผ่านคนกลางเป็นผู้ประสาน แล้วร่วมกันสร้างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติแห่งชาติขึ้นมาภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญเดิม และกติกาที่เป็นอยู่ปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญปฏิรูปการเมืองรอบ 2
"การที่จะเกิดฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติแห่งชาติได้นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี จะต้องยอมเสียสละเว้นวรรคทางการเมือง ซึ่งอาจจะปฏิบัติตามคำแนะนำของนายแพทย์ประเวศ วะสี พลเมืองอาวุโส โดยบวชปฏิบัติธรรมอย่างเช่น พระเปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย เพื่อจะทำให้สมาชิกภาพการเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ สิ้นสุดลง และสร้างความไว้ว่างให้ใจเกิดขึ้น หรือประกาศประกาศไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.ฝ่ายไปแล้ว" แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวและว่า
ฝ่ายนิติบัญญัติแห่งชาติจะเปิดขึ้นได้อย่างไร ก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายช่วยกันทำให้เกิดขึ้น ภายใต้กระบวนการเลือกตั้งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เริ่มต้นทุกฝ่ายจะต้องตกลงกันว่า จะแก้ปัญหา ส.ส.บัญชีรายชื่อย่างไรถึงจะครบ 100 คน เพราะยังมองไม่เห็นว่าไม่มีทางใดที่จะเกิดขึ้นได้นอกจากมีการตกลงกันสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งที่ลงผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเพื่อหให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งครบร้อยละ 5 ที่นี้ขอเสนอให้สนับสนุนพรรคประชากรไทย เพราะถือว่าเป็นพรรคการเมืองหนึ่งที่ก่อตั้งมานานพรรคหนึ่ง
"ทุกฝ่ายก็ร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนไปสิทธิโดยเขตใดมีผู้สมัครเพียง 1 คนก็ขอให้ไปเลือกตั้งคนนั้น เพื่อให้ครบร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น ๆ ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อนั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านอาจจะทำหน้าที่รณรงค์ให้ไปประชาชนที่สนับสนุนไปพรรคประชากรไทยก็เป็นได้ เมื่อตกลงกันได้เช่นนี้ก็เชื่อแน่ว่า ผลการเลือกตั้งออกมาจะ ส.ส.บัญชีรายชื่อครบ 100 เสียง" แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวและว่า
หลังจากนั้นเป็นการสรรหาฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลแห่งชาติ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ต้องเป็น ส.ส.ก็สรรหาจาก ส.ส.ทั้ง 500 คน โดยจะยึดหลักอาวุโสสูงสุดก็ได้ ส่วนรัฐมนตรีก็ร่วมกันสรรหาจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือบุคคลภายนอก ที่ทุกฝ่ายเห็นร่วมกัน หรือหากไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะใช้วิธีขอคณะรัฐมนตรีพระราชทาน ทำหน้าที่บริหารงานจนกว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จยุบสภาเลือกตั้งใหม่
สำหรับฝ่ายนิติบัญญัติแห่งชาตินี้ก็จะมีหน้าที่เพียงให้การเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการอิสระ หรือจะใช้กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา โดยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาหรือเสนอความคิดเห็นได้ทุกขึ้นตอนในขั้นกรรมาธิการ เชื่อแน่ว่าข้อเสนอดังกล่าวจะสามารถฝ่าทางตันได้
"สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เมื่อเว้นวรรคทางการเมืองแล้ว หากยังคงประสงค์จะเข้ามาเล่นการเมืองเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป จะต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ว่าไร้จริยธรรมทางการเมืองตามที่กล่าวหาหรือไม่ โดยอาจจะใช้วิธีตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบ อย่างที่นายแพทย์ประเวศเสนอ เพราะว่าข้อกล่าวหาไร้จริยธรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ เหมือนกับการกกล่าวหาพระต้องอาบัติปาราชิก จะต้องเข้าสู่กระบวนการระงับอธิกรณ์ หากผลออกมา พ.ต.ท.ทักษิณบริสุทธิ์ก็สามารถเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ได้ หากไม่ต้องการมีการพิสูจน์ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็สามรถทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดินเกิดในฐานะอื่นได้" แหล่งข่าวคนเดิม กล่าว
.........................................................
ที่มา: http://www.komchadluek.com
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)