Skip to main content
sharethis


เมื่อวันที่ 19 มี.ค. เวลา 16.00 น. ขณะที่นายชำนาญ บุญยิ้ม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 321/25 หมู่ 1 ต.ตากฟ้า อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ นำหนังสือ "หยุดระบอบทักษิณ" มีเนื้อหากล่าวโจมตีการทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่เขียนโดยนายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กรุงเทพมหานคร และนายขวัญสรวง อติโพธิ จำนวน 20,000 เล่ม ใส่รถกระบะนิสสัน สีบรอนซ์ ปพ 2308 กรุงเทพมหานคร ไปส่งให้นายอนุสรณ์ (ไม่ทราบนามสกุล) บริเวณถนนลูกหลวง ติดสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพาณิชยการพระนคร เพื่อส่งไปให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าที่ 4 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตรวจยึด

 


ต่อมาเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ส่งหนังสือและนายชำนาญไปพบ พ.ต.ต.ทัชวัฒน์ สายโยธา พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน โดย พ.ต.ต.ทัชวัฒน์ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ ศาสนอนันต์ ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ 4 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ในฐานะเจ้าพนักงานการพิมพ์


 


พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ ได้ให้ความเห็นว่า หนังสือดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมและผิดกฎหมาย พ.ต.ต.ทัชวัฒน์ จึงทำบันทึกส่งหนังสือทั้งหมดไปยังสันติบาลเพื่อตรวจสอบ


 


ต่อมานายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กรุงเทพมหานคร นายสมยศ เชื้อไทย อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และทีมงานจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปยัง สน.ดุสิต เพื่อแสดงตัวว่า เป็นผู้เขียนหนังสือจำนวนดังกล่าว พร้อมกับขอให้ตำรวจคืนหนังสือให้กับกลุ่มพันธมิตรที่มีความจำเป็นต้องนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ชุมนุมที่แยกสวนมิสกวัน


 


นายแก้วสรร กล่าวว่า ตำรวจไม่มีความชัดเจนว่าหนังสือดังกล่าวผิดกฎหมายตรงไหน จึงไม่มีอำนาจยึดเพราะไม่ได้แจ้งข้อหา แต่หากจะตรวจสอบก็นำไปเพียง 10-20 เล่มก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องนำไปทั้ง 20,000 เล่ม และหนังสือเหล่านี้ก็มีการเผยแพร่มาแล้วตั้งแต่ท้องสนามหลวง เพราะตนสั่งพิมพ์ไปจำนวน 70,000 เล่ม ต่อมากลุ่มพันธมิตรต้องการพิมพ์เผยแพร่ จึงอนุญาตไป เพราะเห็นว่าไม่ผิดกฎหมายการพิมพ์ และตอนท้ายหนังสือก็ลงชื่อรับผิดชอบไว้ หากเจ้าพนักงานการพิมพ์เห็นว่าผิดกฎหมายก็สามารถสั่งระงับในภายหลังและยุติการเผยแพร่


 


"ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจต้องทำเช่นนี้ ถ้าไม่มีใครสั่งก็คงไม่ทำ เพราะผมพิมพ์แจกจ่ายมาตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมทั้งที่สีลมและสนามหลวง" นายแก้วสรร กล่าว


 


ต่อมานายแก้วสรร ได้โทรศัพท์ประสานไปยัง พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ เพื่อสอบถามเหตุผลในการยึดหนังสือไปทั้งหมดและขอหนังสือคืน โดย พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์แจ้งว่าวันที่ 20 มีนาคม จะเชิญคณะกรรมการการพิมพ์มาประชุมและให้ความเห็นว่าหนังสือดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนจะคืนให้เท่าไหร่นั้นเป็นอำนาจของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่เป็นผู้สั่งอายัดหนังสือดังกล่าว


 


นายแก้วสรรได้ขอให้ พ.ต.ต.ทัชวัฒน์ประสานไปยัง พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลฝ่ายสอบสวน และ พ.ต.อ.จักรี ภู่พันธุ์ศรี ผู้กำกับการ สน.ดุสิต ซึ่งหารือกันอยู่ในห้องประชุมชั้นสองเพื่อขอหนังสือที่ไม่จำเป็นต้องไปพิจารณาว่าผิดกฎหมายหรือไม่


 


นายสมยศ  กล่าวว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความชัดเจน ไม่สามารถบอกได้ว่ายึดไปเพราะอะไร ผิดกฎหมายตรงไหน การจะทำอะไรต้องชัดเจนบอกประชาชนได้ว่าอะไรเป็นอะไร จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใคร จึงไม่มีอำนาจยึดหนังสือไป การกระทำเช่นนี้เท่ากับการละเมิดสิทธิในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของประชาชน


 


ขณะเดียวกันชุดสืบสวน สน.ดุสิต เชิญตัวนายอภิชัย ไม่ทราบนามสกุล อายุ 34 ปี พร้อมใบปลิวมีข้อความเขียนว่า "สมควรหรือไม่' อยู่บนภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำบุญประเทศภายในอุโบสถวัดพระแก้ว ขณะกำลังเข้าประตูด้านกระทรวงศึกษาธิการ มาสอบสวนที่ สน.ดุสิต


 


นายอภิชัย กล่าวว่า ตนเดินทางมาร่วมชุมนุมกับเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และมารู้จักกับนายเอก ไม่ทราบนามสกุล โดยนายเอกได้วานตนให้ไปรับเอกสารที่ตำรวจยึดจากร้านเอกสารย่านเทเวศร์  ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นเอกสารอะไร เมื่อมาถึงจุดดังกล่าวถูกตำรวจตรวจค้นและยึดเอกสารดังกล่าวไปทั้งหมด จากนั้นจึงถูกเชิญมาที่ สน.เพื่อลงบันทึกประวัติโดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาอะไร ก่อนที่ตำรวจแนะนำให้กลับบ้าน


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net