ต่อมาเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ส่งหนังสือและนายชำนาญไปพบ พ.ต.ต.
พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ ได้ให้ความเห็นว่า หนังสือดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมและผิดกฎหมาย พ.ต.ต.ทัชวัฒน์ จึงทำบันทึกส่งหนังสือทั้งหมดไปยังสันติบาลเพื่อตรวจสอบ
ต่อมานาย
นายแก้วสรร กล่าวว่า ตำรวจไม่มีความชัดเจนว่าหนังสือดังกล่าวผิดกฎหมายตรงไหน จึงไม่มีอำนาจยึดเพราะไม่ได้แจ้งข้อหา แต่หากจะตรวจสอบก็นำไปเพียง 10-20 เล่มก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องนำไปทั้ง 20,000 เล่ม และหนังสือเหล่านี้ก็มีการเผยแพร่มาแล้วตั้งแต่ท้องสนามหลวง เพราะตนสั่งพิมพ์ไปจำนวน 70,000 เล่ม ต่อมากลุ่มพันธมิตรต้องการพิมพ์เผยแพร่ จึงอนุญาตไป เพราะเห็นว่าไม่ผิดกฎหมายการพิมพ์ และตอนท้ายหนังสือก็ลงชื่อรับผิดชอบไว้ หากเจ้าพนักงานการพิมพ์เห็นว่าผิดกฎหมายก็สามารถสั่งระงับในภายหลังและยุติการเผยแพร่
"ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจต้องทำเช่นนี้ ถ้าไม่มีใครสั่งก็คงไม่ทำ เพราะผมพิมพ์แจกจ่ายมาตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมทั้งที่สีลมและสนามหลวง" นายแก้วสรร กล่าว
ต่อมานายแก้วสรร ได้โทรศัพท์ประสานไปยัง พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ เพื่อสอบถามเหตุผลในการยึดหนังสือไปทั้งหมดและขอหนังสือคืน โดย พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์แจ้งว่าวันที่ 20 มีนาคม จะเชิญคณะกรรมการการพิมพ์มาประชุมและให้ความเห็นว่าหนังสือดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนจะคืนให้เท่าไหร่นั้นเป็นอำนาจของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่เป็นผู้สั่งอายัดหนังสือดังกล่าว
นายแก้วสรรได้ขอให้ พ.ต.ต.ทัชวัฒน์ประสานไปยัง พล.ต.ต.
นายสมยศ กล่าวว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความชัดเจน ไม่สามารถบอกได้ว่ายึดไปเพราะอะไร ผิดกฎหมายตรงไหน การจะทำอะไรต้องชัดเจนบอกประชาชนได้ว่าอะไรเป็นอะไร จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใคร จึงไม่มีอำนาจยึดหนังสือไป การกระทำเช่นนี้เท่ากับการละเมิดสิทธิในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของประชาชน
ขณะเดียวกันชุดสืบสวน สน.ดุสิต เชิญตัวนาย
นายอภิชัย กล่าวว่า ตนเดินทางมาร่วมชุมนุมกับเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และมารู้จักกับนาย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)