Skip to main content
sharethis


เมื่อวันที่ 20 มี.ค.  สมัชชาคนจนจัดเสวนาหัวข้อ "ปฏิรูปการเมืองต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง" เพื่อสร้างความเข้าใจก่อนที่จะนำกลุ่มสมัชชาคนจนเข้าร่วมกับชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย โดยการเสวนา นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เจตนาในการปฏิรูปการเมืองครั้งนี้เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ทำให้ความรุนแรงต่างๆ ที่สะสมมานานปะทุขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการปราบปรามยาเสพติดที่ใช้การฆ่าตัดตอน กรณีความรุนแรงที่ตากใบ ซึ่งกระทำกับคนชายขอบ คนยากจน พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่มีความชอบธรรมหลงเหลือ และวันนี้หากจะมีการปฏิรูปการเมือง ต้องสร้างอำนาจของประชาชนให้เข้มแข็งมากขึ้น โดยให้พลังของประชาชนสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองทางการเมืองได้

 


"การปฏิรูปการเมืองที่เกิดขึ้นต้องไม่ใช่การปฏิรูปโดยชนชั้นนำ เพราะเมื่อใดที่เรานำนักธุรกิจหรือคนที่มีความรู้มาปฏิรูปการเมือง เขาไม่เคยนำความต้องการของภาคประชาชนเข้าไปร่วมด้วย ผมไม่อยากให้การปฏิรูปเป็นแค่คน 7-8 คนที่ใส่แว่น และมานั่งถกเถียงกันในปัญหาที่เกี่ยวกับตนเอง แต่ไม่เกี่ยวกับชาวบ้าน สิ่งสำคัญคือผมต้องการให้เราสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และการปฏิรูปที่แท้จริงต้องไม่ใช่การปฏิรูปเพื่อนักการเมือง และเราต้องไม่หวังพึ่งอำนาจนอกระบบ เพราะอำนาจที่แท้จริงมาจากประชาชน" นายสมชาย กล่าว



เช่นเดียวกับนายปฐมฤกษ์ เกตุทัต อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การปฏิรูปการเมืองต้องเป็นการปฏิรูปจากข้างล่างขึ้นข้างบน อย่าไปใส่ใจข้าราชการและเนติบริกรมากเกินไป ประชาชนต้องเป็นผู้กำหนดเนื้อหา และกำหนดว่าคนจนจะดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีเกียรติภูมิ


 


"เราต้องแก้จารีตประเพณีทั้งหมด เพราะสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้เกิดขึ้นเพราะการนำกฎหมายมาใช้ในรูปแบบที่ผิด และสิ่งสำคัญสุดท้ายทุกกระบวนการจะต้องมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำประชาพิจารณ์ด้วย"


 


ด้านนายประภาส ปิ่นตบแต่ง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า สังคมส่วนใหญ่ไม่เอาทักษิณแน่ แต่สิ่งที่สำคัญคือ เราไม่อยากเห็นการใช้อำนาจนอกระบบ และต้องเป็นการสร้างกระบวนการเรียนรู้ทางสังคม


 


"ไม่ควรไล่แค่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ต้องไล่ทั้งระบบและจิตวิญญาณออกไปให้หมด สิ่งที่สำคัญคือการปฏิรูปต้องเป็นประชาธิปไตยที่กินได้และเป็นการเมืองที่เห็นหัวคนจน ทั้งนี้ตนอยากจะเห็นการขยายอำนาจมุ่งสู่การเมืองภาคประชาชน โดยมีการถ่ายโอนอำนาจให้ประชาชนและลดอำนาจของรัฐบาลให้น้อยลง"


 


หลังจากการเสวนาเสร็จสิ้นทางสมัชชาคนจนได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิรูปการเมืองและจุดยืนของกลุ่มสมัชชาคนจนที่มีต่อการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเห็นว่าตลอดเวลา 5 ปีของรัฐบาลทักษิณได้พยายามโฆษณาตัวเอง สร้างภาพลวงตาคนทั้งประเทศ ด้วยนโยบายประชานิยม ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนคนจน โครงการโคล้านตัว คาราวานแก้จน หรือกระทั่งการจัดการน้ำทั้งระบบ ภายใต้วาทะกรรมน้ำแก้จน ภาพที่ถูกสร้างขึ้นจากลมปากของนายกฯทักษิณคือวิธีการเหล่านี้ที่ทำให้คนจนลดจำนวนลง ซึ่งในทางกลับกันวิธีการนี้ทำให้คนจนเพิ่มจำนวนมากขึ้นและรุนแรงมากขึ้น ภายใต้ระบอบทักษิณวิธีการแก้ไขปัญหาความยากจนต่างเอื้อประโยชน์มหาศาล สร้างความมั่งคั่งร่ำรวย ให้กับพวกพ้องวงศ์ตระกูลของนายกฯเท่านั้นเอง


 


ฉะนั้นการปฏิรูปการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะต้องสามารถแก้ปัญหาปากท้องและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนโดยยึดหลักการปกครองตนเองของประชาชนเพื่อประชาชนให้ประชาชนสามารถพึ่งตนเอง กำหนดชะตากรรมของตนเองได้


 


โดยออกกฎหมายที่ให้อำนาจชุมนุมท้องถิ่นในการเข้าถึง ใช้ประโยชน์และปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ออกกฎหมายคุ้มครองสุขภาพและความปลอดภัยในการดำรงชีวิตและกฎหมายอื่นๆ ที่จะเอื้อให้เกิดความเป็นธรรมระดับโครงสร้าง


 


ซึ่งเจตนารมย์ดังกล่าวมิอาจบรรลุได้ด้วยความปรารถนาดีของบุคคลหรือคณะบุคคลใด นอกจากจะเกิดโอกาสให้พลังของประชาชนเข้าร่วมในการผลักดันภายใต้รัฐบาลที่สถาปนาขึ้นตามครรลองของประชาธิปไตยเท่านั้น


 


ด้าน นางสมบุญ สีคำดอกแค ตัวแทนสมัชชาคนจน กล่าวว่า เจตนารมย์ของสมัชชาคนจนชัดเจนแล้วว่าต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกและรัฐบาลต้องมาจากการเลือกตั้งที่ถูกต้องและชอบธรรม รวมทั้งการปฏิรูปการเมืองที่มีขึ้น ต้องมีการออกกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิชุมชนและให้อำนาจประชาชนอย่างแท้จริง


 


ซึ่งการเลือกตั้ง 2 เม.ย.ที่จะเกิดขึ้นเป็นการเลือกตั้งที่ไม่มีความชอบธรรม เพราะไม่มีฝ่ายค้านร่วมลงสมัครด้วย ขณะนี้ทางสมัชชาคนจนได้ประสานกับเครือข่ายพันธมิตร เช่น นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าทางกลุ่มสมัชชาจะร่วมด้วยจนกว่าทางกลุ่มพันธมิตรจะได้รับชัยชนะ


 


............................................................


ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net