Skip to main content
sharethis


ประชาไท—21 มี.ค.2549 นายภัทระ คำพิทักษ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุมสมาคมนักข่าวฯได้หารือกันถึงสภาวะทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้แล้วเห็นว่า ในขณะที่แต่ละฝ่ายยืนยันถึงจุดยืนของตนเองจนทำให้เกิดสภาพคล้ายกับจะเกิดความตีบตันทางการเมืองและไม่มีทางออกนั้น หลายฝ่ายไม่ได้ให้คำตอบของปัญหาที่แสดงถึงจุดยืน เป้าหมาย ทิศทางให้กับประชาชนทราบอย่างที่ควรจะเป็น

 


 


ในส่วนของสมาคมนักข่าวฯเองตระหนักว่า ในยามวิกฤตประชาชนควรจะได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงและรอบด้านอย่างมากที่สุดเพื่อที่ประชาชนจะนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกทางเลือกที่เห็นว่าเหมาะสมเอง สมาคมฯเห็นถึงความสำคัญของการเปิดพื้นที่การสื่อสารอื่นเพิ่มขึ้นนอกจากข่าวสารซึ่งจะออกมาเพียงสองด้านหลักๆคือ รัฐบาลและฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


 


 สมาคมฯจะเปิดเวทีให้มีการนำเสนอและแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดความเห็นในเรื่องการแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้น การพัฒนาประชาธิปไตย การพัฒนาการเมืองของภาคพลเมือง ฯลฯ รวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของสื่อมวลชนเองด้วย อย่างต่อเนื่อง


 


นายภัทระ กล่าวว่า 4 ฝ่ายสำคัญที่ควรให้ข้อมูลแก่ประชาชนมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ คือ 1.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 2.พันธมิตรฝ่ายค้าน 3.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 3.คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) สำหรับพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ต้องยอมรับแล้วว่า ข้อเรียกร้องและปัญหาต่างๆนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากตัวนายกฯเอง แม้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก็เป็นที่ชัดเจนแก่ทุกฝ่ายแล้วว่า ปัญหาจะรุมเร้าต่อไปไม่สิ้นสุด สภาพการปกครองได้แต่บริหารไม่ได้ก็จะเกิดขึ้น ในฐานะที่เป็นอดีตผู้นำประเทศ รักษาการณ์นายกฯ และมีโอกาสที่จะเป็นผู้นำพรรคเสียงข้างมากในอนาคตอีก พ.ต.ท.ทักษิณต้องตอบปัญหาสำคัญที่ว่า จะเป็นผู้นำที่ใสสะอาด และนำมาซึ่งความสมานฉันท์ของคนในชาติได้อย่างไร


 


"เพราะเป็นที่แน่นอนแล้วว่า เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยและบ้านเมืองให้ก้าวหน้า นายกฯคนต่อไปต้องเยียวยาและวางระบบที่ดีให้เกิดกับบ้านเมือง ถ้าตอบข้างต้นไม่ได้ ก็ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นผู้นำได้อย่างไร ประเทศชาติบ้านเมืองจะดีขึ้นได้อย่างไร"นายภัทระกล่าว


 


นายภัทระ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันฝ่ายค้านเองแม้พยายามทำหน้าที่โดยจับกลโกงและเปิดโปงความไม่ถูกต้องของการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 เมษายนแต่ในภาวะเช่นนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่พยายามเปิดระบบให้กลไกการเมืองการปกครองทำหน้าที่ต่อไป การพัฒนาประชาธิปไตยก็อาจจะอยู่ในภาวะถดถอยได้


แนวทางที่ผ่านมาของฝ่ายค้านทำให้ประชาชนเห็นพอสมควรแล้วว่า ฝ่ายค้านได้คว่ำบาตรรัฐบาลเพราะเห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการปฏิรูปการเมือง เมื่อเรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันแล้ว ถึงขณะนี้ พรรคฝ่ายค้านจะมีข้อเสนอและทางเลือกอื่นเพิ่มเติมเพื่อให้กระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้หรือไม่ และจะใช้โอกาสนี้ปฏิรูปการเมืองได้อย่างไร


 


ในส่วนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น นอกจากให้ข้อมูลเพื่อให้ประชาชนรู้ทันระบอบทักษิณและระดมพลังกดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณลาออกแล้ว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีแนวทางในการจะพัฒนาการเมืองภาคประชาชนที่เป็นรูปธรรมอย่างไรต่อไป คำถามนี้สำคัญ เพราะไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะลาออกหรือไม่ลาออก แต่น้ำพักน้ำแรงของประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมืองนั้นย่อมเป็นต้นทุนอันสำคัญในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย


 


ประชาชนควรจะได้รับรู้ว่า นอกจากกดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกและเว้นวรรคทางการเมืองแล้ว การปฏิรูปการเมืองจะเกิดขึ้นอย่างไร มีเนื้อหาสาระอย่างไร ประชาชนจะมีส่วนร่วมอย่างไร ฯลฯ


 


"การชุมนุมโดยไม่ให้ข้อมูลเหล่านี้ สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ต้นทุนการพัฒนาประชาธิปไตยที่งอกงามขึ้นมากลายเป็นธาตุอากาศและวันหน้าประชาชนก็ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบเหล่านั้น จากใครที่ไหน"นายภัทระกล่าว


 


นายภัทระ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้แล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะที่เป็นองค์กรอิสระที่ต้องดูแลจัดการการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม และเป็นธรรม ตระหนักดีอยู่แก่ใจแล้วว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์แบบ แม้เป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินไปตามกติกาของระบอบประชาธิปไตยแต่การดำเนินไปเช่นนี้ก็รั้งแต่จะให้เกิดความเสียหายกับระบบ และปรากฏชัดขึ้นทุกขณะแล้วว่า มีปัญหาในเรื่องการจัดการและความโปร่งใส ในภาวะที่ประชาชนสิ้นหวังกับองค์กรอิสระ นำไปสู่ความล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของกลไกการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเช่นนี้ กกต.จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อสร้างเกณฑ์มาตรฐานการทำงานที่ดี เพื่อพลิกฟื้นให้ประชาชนเชื่อในบทบาทขององค์กรอิสระอย่างกกต.ได้อย่างไร


 


"กกต.ต้องไม่ทำให้คนเสื่อมศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่สักแต่จะจัดการเลือกตั้งโดยไม่ดูสภาพการที่เป็นจริงและปัญหาของบ้านเมือง ถ้ากกต.ไม่แสดงบทบาทในเรื่องนี้ ผลของการเลือกตั้งยิ่งจะซ้ำเติมปัญหาของบ้านเมืองให้รุนแรงยิ่งขึ้น"นายภัทระกล่าว


 


"เราสามารถปฏิรูปการเมืองได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่รอหลังการเลือกตั้งอย่างเดียว ถ้าเราพูดกันไม่หมดก็จะติดกับดักทางการเมือง ทำให้มองไม่เห็นทางออก แต่ถ้าถามตอบหรือแสดงจุดยืนกันให้ชัด ผมเชื่อว่ากลไกต่างๆของระบบที่มีอยู่ก็จะไม่ชะงักเหมือนที่เป็นอยู่ และสังคมเราก็สามารถที่จะจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงไปได้ตามกลไกที่มีอยู่ จึงหวังว่าทุกฝ่ายจะร่วมมือกับสมาคมฯให้ข้อมูลเหล่านี้แก่ประชาชนเพื่อประโยชน์ของสาธารณะต่อไป"นายภัทระกล่าว


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net