Skip to main content
sharethis


พันธมิตรเตรียมประกาศมาตรการไล่ "แม้ว" หลังเส้นตาย 48 ชม.

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงมาตรการใหม่ในการเคลื่อนไหวซึ่งจะมีการประกาศบนเวทีของแกนนำว่า จะเป็นชุดข้อเสนอที่ชัดเจนโดยคาดว่าทุกฝ่ายเห็นด้วย เพราะเป็นข้อเสนอที่นำมาจากการประมวลความคิดเห็นของผู้รู้ นักวิชาการในสังคม ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการใช้มาตรา 7 แนวทางรัฐบาลพระราชทาน แนวทางการละเว้นบางมาตราของรัฐธรรมนูญ แนวทางการเรียกร้องให้นายกฯลาออกแล้วให้รองนายกฯ ขึ้นมารักษาการแทน แนวทางการปฏิรูปการเมือง แนวทางการเลื่อนการเลือกตั้ง รวมถึงแนวทางการถวายฎีกาเพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชวินิจฉัยต่อสถานการณ์บ้านเมือง เป็นต้น


 


ทั้งนี้ ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันว่าข้อเสนอดังกล่าวพิจารณาบนพื้นฐาน 3 ปัจจัย ประการแรกพันธมิตรพิจารณาอยู่บนพื้นฐานสถานการณ์บ้านเมืองที่ดุลอำนาจทางการเมืองไม่สามารถชี้ขาดได้ โดยปัจจัยนี้จะแตกต่างจากกรณีพฤษภาคม 2535 หรือกระแสธงเขียวเมื่อ พ.ศ.2540 ซึ่งเป็นกรณีที่พลังของประชาชนชี้ขาดทางการเมืองได้ แต่ในกรณีนี้ ประชาชนแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายที่คัดค้านการดำรงตำแหน่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ และฝ่ายสนับสนุน ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะมีความคิดเห็นแตกต่างกัน


 


ส่วนปัจจัยที่สองนั้น นายสุริยะใสกล่าวว่าพันธมิตรได้เคลื่อนไหวโดยยึดแนวทางอหิงสธรรมและพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทุกวิถีทาง


 


ปัจจัยสุดท้ายต้องเชื่อได้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอย่างสันติไม่ก่อให้เกิดการเผชิญหน้า ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่ถอยหลังเข้าคลอง ไม่ต้องการรัฐประหาร ไม่ต้องการให้ดุลอำนาจ ไม่มีการชี้ขาด และต้องนำไปสู่การยุติปัญหา ซึ่งแกนนำพันธมิตรได้พูดคุยถึงมาตรการใหม่มาเป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์โดยใช้เวลาทุกวันในการหารือวันละ 3 - 4 ชั่วโมง


         


ส่วนคำถามที่ว่ามาตรการใหม่จะเป็นการดึงเบื้องสูงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า นายสุริยะใสชี้แจงว่าถ้าจะมีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะก่อนหน้านี้ แนวทางดังกล่าวก็เป็นข้อเสนอของนักวิชาการหลายคน รวมถึงสภาการหนังสือพิมพ์และสภาการทนายความ เป็นข้อเสนอที่มีเข้ามาตลอดในช่วงเดือน 2 เดือนที่ผ่านมา


         


นายพิภพ ธงไชย หนึ่งในแกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่าจะมีการประกาศมาตรการดังกล่าว ในคืนวันที่ 23 มีนาคม เวลาประมาณ 21.00 น. หลังครบกำหนด 48 ชั่วโมงไปแล้ว


 


ในส่วนของการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 25 มีนาคม นายพิภพ เชื่อว่า จะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมมากกว่าวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้กลุ่มพันธมิตรตามภาคต่างๆ ก็จะร่วมกันเคลื่อนไหวให้มากขึ้นด้วย ซึ่งตรงนี้เชื่อว่าจะเป็นแรงกดดันทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณพิจารณาตัวเองลาออกได้


         


ทำประชาพิจารณ์หารูปแบบการเคลื่อนไหว


นายสมศักดิ์ โกสัยสุข แกนนำอีกคนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตร เปิดเผยว่า แนวทางเคลื่อนไหวล่าสุดพันธมิตรที่เป็นกลุ่มย่อยได้หารือกันโดยมอบหมายให้แต่ละฝ่ายไปทำประชาพิจารณ์สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการเคลื่อนไหวรูปแบบต่างๆ จากประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้ได้มากที่สุดว่าประชาชนจะมีแนวทางในการเสนอแนะรูปแบบการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง


 


คาดว่าอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 23 มี.ค.กลุ่มพันธมิตรย่อยจำนวน 21 คน คงจะไปรวบรวมข้อมูลมาได้ หลังจากนั้นก็จะนำมาประชุมสรุปความคิดเห็นร่วมกัน แล้วจัดเป็นหัวข้อออกมาว่าข้อเสนอนั้นมีอย่างไรบ้าง จากนั้นจะนำเสนอต่อที่ประชุม 5 แกนนำพันธมิตรเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง


 


แม้ว เรียก ผบ.ทบ. ถกที่บ้านพิษณุโลก


ในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 14.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณได้หารือกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ที่บ้านพิษณุโลก ภายหลังการพูดคุยประมาณ 20 นาที ผู้บัญชาการทหารบกก็เดินทางกลับพร้อมยืนยันว่ายังไม่ถึงเวลาต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน


 


ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ขณะนี้ ซึ่งในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก คุมกำลังอยู่จึงต้องเรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบเกี่ยวกับเรื่องการใช้กำลังว่า ในส่วนของทหารจะเข้ามาดำเนินการได้เมื่อมีการประกาศภาวะฉุกเฉินซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ 2 หากสถานการณ์เกิดความรุนแรงแล้วเท่านั้น แต่ในขณะนี้เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะต้องดำเนินการดังกล่าว


 


นอกจากนี้ พล.อ.สนธิปฏิเสธว่า ไม่ได้พูดถึงเรื่องการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันเสาร์ที่ 25 มี.ค. แต่กล่าวถึงเรื่องข่าวลือต่างๆ ที่มีมากในขณะนี้ ที่ทำให้เกิดความเสียหายและเกิดความขัดแย้งในสังคม อย่างไรก็ตามส่วนตัวเห็นว่าการชุมนุมในครั้งนี้ยังสงบเรียบร้อยดี ถือเป็นประวัติศาสตร์


   


2 สมาคมสื่อ ยื่นจดหมายทวงถามนายกฯ ตอบคำถามที่ไม่เคลียร์


น.ส.วิมลพรรณ ปิตุธวัชชัย อุปนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศ และนายพัชระ สารพิมพา เลขาธิการสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย เดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกเพื่อทวงถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่เคยยื่นจดหมายผ่านนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2549 เพื่อขอให้มาพอปะสื่อมวลชนเพื่อตอบข้อซักถามในประเด็นที่อยู่ในความสนใจและความสงสัยของสาธารณชน


         


ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่มีคำตอบกลับมายังสมาคมทั้ง 2 แห่ง จึงจำเป็นที่จะต้องมาทวงถาม  เพื่อประโยชน์ของสังคมและสาธารณชนโดยรวม เพราะเห็นว่าประเทศชาติอยู่ในภาวะวิกฤตที่ควรจะได้รับความข้อมูลข่าวสารที่แท้จริงให้รอบด้านมากที่สุด เพื่อให้ประชาชนและสังคมนำไปประกอบการตัดสินใจเพื่อเป็นหาทางเลือกที่ดีที่สุดได้ โดยทางสมาคมหวังว่านายกรัฐมนตรีจะรับเชิญมาตอบข้อซักถามก่อนวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง    อย่างไรก็ตามการมายื่นจดหมายในครั้งนี้กลับไม่มีเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของสำนักโฆษกมารับจดหมาย         


 


กองหนุนนายกฯมาเพิ่มอีก 500 คน


ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มสนับสนุนนายกรัฐมนตรี วันนี้กลุ่มเครือข่ายชาวบ้านคาราวานจน จ.ขอนแก่น กว่า 500 คน ได้เดินทางโดยขบวนรถไฟที่ 134 หนองคาย-บางซื่อ ออกจากสถานีรถไฟ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มสมัชชาคนจนจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ที่หมู่บ้านคาราวานคนจนเพื่อประชาธิปไตย ภายในสวนจตุจักร เพื่อสนับสนุนนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งต่อไป โดยลุ่มสมัชชาคนจนจาก จ.ขอนแก่น จะเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน และแสดงพลังสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี จากสถานีรถไฟบางซื่อ ไปจนถึงจุดที่ชุมนุมภายในสวนจตุจักร ทั้งนี้ ในวันที่ 1 เม.ย.ทั้งหมดจะเดินทางกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้ง


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net