Skip to main content
sharethis


ประชาไท- 28 มี.ค.2549    คณาจาร์คณะนิติศาสตร์ 60 คน จาก 14 สถาบันทั่วประเทศ ร่วมกันทำจดหมายเปิดผนึกถึง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

 


โดยในจดหมายระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ที่ได้มีการประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดวันเลือกตั้งใหม่อันเป็นการเลือกตั้งทั่วไปให้มีขึ้นในวันที่ 2 เมษายน 2549 ปรากฏข้อเท็จจริงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคไทยรักไทย ได้กระทำผิด พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 ดังต่อไปนี้


    


1. พ.ต.ท. ทักษิณ กระทำผิดมาตรา 47 ซึ่งบัญญัติว่า "ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณ หรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง" มาตรานี้บัญญัติขึ้นมาเพื่อป้องกันมิให้มีการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อป้องกันรัฐบาลรักษาการมิให้ใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองของตนเอง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม


 


นับตั้งแต่วันที่ได้มีการยุบสภา พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ใช้หน่วยงานราชการในต่างจังหวัดจัดกิจกรรมที่มีลักษณะเป็นการหาเสียงให้กับตนเอง โดยอ้างว่าเป็นการ ตรวจราชการ ทั้งยังมีการใช้เฮลิคอปเตอร์ในการเดินทางไปหาเสียง ปรากฏหลักฐาน เป็นข่าวทางโทรทัศน์หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อเป็นคุณ แก่พรรคของตน จึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายและผิดมาตรานี้อย่างชัดแจ้ง


 


2. พ.ต.ท. ทักษิณ กระทำผิดมาตรา 44 (1) ซึ่งบัญญัติห้ามมิให้ผู้สมัคร หรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจะจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียง เลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการ "จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด" ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2549


 


หลังจากที่ได้มีการประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งใหม่แล้ว พ.ต.ท. ทักษิณ ได้มอบเงินให้กับอาจารย์อาชีวะแห่งหนึ่ง ในงาน "พลังอาชีวะสร้างชาติ" ปรากฏหลักฐานเป็นภาพข่าวในหนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2549 การกระทำดังกล่าวนี้เป็นการ "ให้"และย่อมมีผลเป็นการ "จูงใจ" ให้อาจารย์เหล่านี้เลือก พรรคไทยรักไทย ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อในลำดับที่หนึ่ง การกระทำนี้จึงผิดมาตรา 44 (1) อย่างชัดแจ้ง ซึ่งที่ผ่านๆ เพียงแต่ให้พวงหรีด หรือเงินช่วยงานศพ กกต. ก็ได้ดำเนินการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือที่เรียกกันว่าใบเหลือง-ใบแดง ผู้สมัครรับเลือกตั้งมาแล้วเป็นจำนวนมาก


 


3. พ.ต.ท. ทักษิณ ยังมีการกระทำที่ส่อว่าผิดมาตรา 44 (2) คือ "ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม แก่ชุมชน...วัด สถาบันการศึกษา...หรือสถาบันอื่นใด" ในการปราศรัยของ พ.ต.ท. ทักษิณ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2549 ณ ท้องสนามหลวง พ.ต.ท. ทักษิณ ได้สัญญาว่าจะให้ "ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด" แก่ประชาชนหลายอย่าง เช่น สัญญาว่าจะให้คอมพิวเตอร์แก่เด็กประถมหนึ่ง ...ลูกท่านที่จะเข้าประถม ตั้งแต่ปีการศึกษา 2550 ...ผมจะให้ลูกประถมหนึ่งของท่านนี่ล่ะ ถือคอมพิวเตอร์ไปโรงเรียน เอาไหม..." ซึ่งไม่ใช่เรื่องนโยบายตามปกติธรรมดาของพรรคการเมือง แต่เป็นการ "สัญญาว่าจะให้ ซึ่ง ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด" โดยไม่แน่ชัดว่าจะเอาเงินมาจากไหน เงินของตนเองหรือจากงบประมาณแผ่นดิน การหาเสียงลักษณะนี้จึงเข้าข่ายว่า เป็นการกระทำผิดมาตรา 44 (2)


 


เพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ในฐานะที่ กกต. เป็นผู้มีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องป้องกันแก้ไขมิให้มีการกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ ซึ่งเป็นกติกาในการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ ข้าพเจ้าทั้งหลายซึ่งเป็นอาจารย์นิติศาสตร์จำนวน 60 คน ในสถาบันการศึกษาทั้งหมด 14 สถาบัน ตามรายนามข้างท้าย จึงขอเรียกร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ดังต่อไปนี้


 


1. ขอให้ กกต.ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 10 (6) ดำเนินการ สืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง และวินิจฉัยชี้ขาด การกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ มาตรา 44 และ 47 ของ พ.ต.ท. ทักษิณ


 


2. พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ มาตรา 85/1 ให้อำนาจ แก่ กกต.ในการสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครทุกรายเป็นเวลาหนึ่งปี หากปรากฏ "หลักฐานอันควรเชื่อได้"ว่าผู้สมัครผู้ใด "กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ หรือมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นกระทำการดังกล่าว หรือรู้ว่ามีการกระทำดังกล่าวแล้วไม่ดำเนินการเพื่อระงับการกระทำนั้น" ข้าพเจ้าทั้งหลายจึงขอเรียกร้องให้ กกต. สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลาหนึ่งปี


 


3. ขอให้นำคดี พ.ต.ท. ทักษิณ ในข้อหากระทำผิดมาตรา 44 และ 47 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ ขึ้นสู่การพิจารณาพิพากษาของ ศาลยุติธรรม ซึ่งมาตรา 101 บัญญัติให้ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี


 


สิ่งที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้เรียกร้องมานี้ มิใช่เป็นการเรียกร้องสิ่งใดที่มากเกินไป กว่าการเรียกร้องให้ กกต.ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และรักษากฎหมายให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ในมาตรฐานเดียวกันกับที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเคยวินิจฉัยสั่งการมาแล้วในกรณีอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักการปกครอง โดยกฎหมาย และความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นหนทางเดียวในขณะนี้ที่ กกต.จะสามารถทำให้วิกฤตของบ้านเมืองผ่านพ้นไปได้ โดยวิถีทางของกฎหมายและความยุติธรรม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net