Skip to main content
sharethis

โดย ดร.เจิมศักดิ์  ปิ่นทอง


 


วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไปเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงที่วงเวียนใหญ่  เช้าวันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์หลายฉบับ โดยเฉพาะ "โพสต์ทูเดย์" พาดหัวว่า "ทักษิณเปิดเวทียำพันธมิตรฯ" แฉประวัติแกนนำ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"


 


ผมก็คิดว่า คงไม่เกี่ยวอะไรกับผม เพราะไม่ได้เป็นแกนนำสำคัญอะไร แต่เมื่ออ่านเนื้อในกลับพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า


 


"นายเจิมศักดิ์  ปิ่นทอง ก็เคยเป็นคนที่เข้ามาขอสปอนเซอร์ เพื่อทำรายการสื่อสร้างสรรค์ และผม(ทักษิณ)คือคนก่อตั้ง "ว็อชด็อก" ของนายเจิมศักดิ์  ซึ่งปรากฏว่าทำรายการไปก็ด่าคนโน้นคนนี้ไป สุดท้ายก็ไม่มีใครเอาด้วย"


 


ผมขอให้ข้อเท็จจริง ดังนี้


 


รู้จักกับ "ทักษิณ" ได้อย่างไร?


ก่อนที่คุณทักษิณจะเล่นการเมือง คุณทักษิณเคยติดต่อมา บอกว่าชอบรายการ "มองต่างมุม" และ "เวทีชาวบ้าน" ที่ผมดำเนินรายการอยู่  จะให้ช่วยอะไรบ้างไหม  ผมก็ตอบว่า ผมทำรายการให้มูลนิธิสื่อสร้างสรรค์ ถ้าจะช่วยก็บริจาคให้มูลนิธิฯ


 


คุณทักษิณก็บริจาคให้มูลนิธิฯ  ในวันบริจาคได้ไปมอบในงานของมูลนิธิฯ ซึ่งจัดที่โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค โดยมีคุณหมอประเวศ วะสี  คุณหมอเสม พริ้งพวงแก้ว  คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ และผมเป็นกรรมการมูลนิธิ  มีคุณโสภณ สุภาพงษ์เป็นเลขามูลนิธิ รับมอบเงิน  วันนั้นก็มีคุณอากร ฮุนตระกูล หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และบริษัทซัยโจ เดนกิ ร่วมกันบริจาคคนละ 1-2 ล้านบาท


 


"ทักษิณ" อ้างว่าเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทว็อชด็อกฯ และ "เจิมศักดิ์" เคยไปขอสปอนเซอร์ ???


บริษัท ว็อชด็อก จำกัด ก่อตั้งในปี 2536 ดูจากหนังสือบริคณห์สนธิ ไม่ปรากฏชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร หรือตัวแทนเชิดคนใดของคุณทักษิณ (Nominee) เป็นผู้ก่อตั้ง  ผมเองก็ไม่ได้ก่อตั้ง และเมื่อเริ่มก่อตั้ง ทั้ง "ทักษิณ" และ "เจิมศักดิ์" ก็ไม่ได้ถือหุ้นบริษัท ว็อชด็อก จำกัด แต่อย่างใด


 


คำพูดของ "ทักษิณ" ที่ว่า ตนเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทว็อชด็อก แล้วผมไปขอสปอนเซอร์ให้บริษัทนี้ ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้  เพราะเรื่องอะไรคนนอกบริษัทฯ อย่างผม จะไปขอสปอนเซอร์จาก "ทักษิณ" ให้บริษัทที่ "ทักษิณ" ก่อตั้ง


 


ข้อเท็จจริง คือ ผมเป็นเพียงผู้ดำเนินรายการ "ฃอคิดด้วยฅน" ของบริษัทว็อชด็อกเท่านั้น เป็นคนรับจ้างดำเนินรายการในขณะนั้นเท่านั้น  อาจารย์เกษมสันต์ วีระกุลซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทฯ มาขอให้ผมพาไปพบคุณทักษิณ เพื่อจะไปชวนให้ "ทักษิณ"ลงโฆษณากับรายการ ผมก็พาเขาไปพบที่ตึกชินวัตร พหลโยธิน


 


เมื่ออาจารย์เกษมสันต์ แจ้งอัตราราคาค่าโฆษณา  คุณทักษิณได้ถามว่า  ถ้าผมเหมาหมดทั้งรายการจะเอาเท่าไร?


 


ผมอึ้งกับคำถามนั้น  เพราะในใจคิดว่า ถ้าอาจารย์เกษมสันต์ยอมขายรายการ ตัวผมคนทำรายการก็เท่ากับเป็นคนดำเนินรายการให้ "ทักษิณ"   หากเป็นเช่นนั้น "ทักษิณ"คงเป็นนายผม และเป็นนายรายการ !


 


ครั้งนั้น อาจารย์เกษมสันต์ตอบอย่างฉลาดว่า "ขอบคุณครับ  แต่ผมอยากหัดทำธุรกิจ ถ้าผมขายทั้งรายการ ผมคงสบาย แต่ไม่ได้ทำธุรกิจ ผมขอให้ลงโฆษณาสัปดาห์ละ 1-2 นาที ก็พอครับ"


 


ผมโล่งใจที่ได้ยินคำตอบที่แสนฉลาดของอาจารย์เกษมสันต์  และก็ได้ยิน "ทักษิณ" ถามต่อว่า  "จะมีหุ้นให้ผมร่วมลงทุนบ้างไหม?"


 


อาจารย์เกษมสันต์ก็ตอบอย่างเกรงใจว่า คงได้นิดหน่อย 5-10 %   และในที่สุด "ทักษิณ" ก็ได้ถือหุ้นจำนวน 2,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 20,000 หุ้น (ราคาหุ้นละ 100 บาท)


 


คุณทักษิณยังบอกว่า จะให้ใส่ชื่อหุ้นในนามของ "บรรณพจน์  ดามาพงศ์" เพราะไม่อยากให้คนรู้ ผมก็นั่งฟังอยู่เงียบๆ ด้วยความสงสัยว่า ทำไมไม่อยากให้คนรู้ และทำไมใส่ชื่อ "บรรณพจน์  ดามาพงศ์" มารู้ทีหลังจึงได้รู้ว่า บรรณพจน์ก็คือคนที่มาขอใช้นามสกุล "ดามาพงศ์" ของภรรยาคุณทักษิณ  คุณบรรณพจน์ไม่ได้มีพ่อแม่คนเดียวกับคุณพจมาน  แต่มีพ่อชื่อ "หลิมสี" แม่ชื่อ "เอียวจิว" เป็นคนสัญชาติจีนทั้งพ่อและแม่


 


หลังจากนั้น เคยมีความสัมพันธ์กับทักษิณอย่างไรอีกบ้าง?


คุณทักษิณเคยมาร่วมรายการ "มองต่างมุม" "เวทีชาวบ้าน" หลายครั้ง  ครั้งหนึ่งเคยถามผมว่า หากลงเล่นการเมือง ควรจะเข้าพรรคเก่าดีหรือเซ้งพรรคเล็กๆ เช่นพรรคเอกภาพดี ?      ผมก็ตอบว่า ทางเลือกที่น่าสนใจอีกทาง คือ ทำงานการเมืองอย่างอาจารย์ประเวศ วะสี คือให้สติทางการเมืองและสนใจการเมืองภาคประชาชนโดยไม่ต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง                             


 


ผมจัดรายการ "มองต่างมุม" เชิญว่าที่นายกรัฐมนตรีมาร่วมดีเบทกัน  ครั้งหนึ่งมีคุณอานันท์ ปันยารชุน คุณชวน หลีกภัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ   การเลือกตั้งครั้งนั้น ปรากฏว่า คุณชวนได้เป็นนายกฯ


 


ครั้งต่อมา ได้เชิญคุณชวน หลีกภัย คุณบรรหาร  ศิลปอาชา  พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ  คุณอำนวย วีรวรรณ และคุณทักษิณ ชินวัตร เข้ามาร่วมเวทีดีเบต  ครั้งนั้น ปรากฏว่า คุณบรรหารได้เป็นนายกรัฐมนตรี


 


เมื่อคุณบรรหารเป็นนายกฯ แล้วได้ปิดรายการ "มองต่างมุม" และรายการวิทยุทาง FM 101  คุณทักษิณยังโทรมาถามว่า "จะให้ช่วยพูดกับนายกฯ บรรหารไหม  สนิทกัน?"   ผมก็ตอบขอบคุณ บอกว่าไม่ต้อง  เพราะไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร


 


มาถึงการเลือกตั้งใหญ่ครั้งถัดมา  เป็นการดีเบทกันระหว่างว่าที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และคุณชวน หลีกภัย ที่ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.ในรายการ "ฃอคิดด้วยฅน" ที่ผมดำเนินรายการอยู่


 


ครั้งนี้ คุณทักษิณในฐานะหัวหน้าพรรคพลังธรรมที่ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ได้ติดต่อผมเพื่อขอเป็นคนถามคำถามสด 1 คำถาม


 


ผมตอบตกลง เพราะเห็นว่าคุณทักษิณเป็นถึงระดับหัวหน้าพรรคจึงยินดีให้ถาม  คุณทักษิณบอกจะมาถึงห้องส่งช่อง 9 ช้ากว่าเวลาถ่ายทอดสดนิดหน่อย เลยขอให้คุณเถกิง สมทรัพย์นั่งเก้าอี้แถวหน้าไว้ให้ก่อน ภาพทั้งหมดยังมีบันทึกอยู่ในเทปโทรทัศน์


 


รายการสุดท้ายที่ "ทักษิณ" มาออก คือรายการไหน?


รายการที่สมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษ จัดขึ้นที่โรงแรมโอเรียลเต็ล เมื่อครั้ง "ทักษิณ" ตั้งพรรคไทยรักไทยใหม่ๆ   คุณสงกรานต์ กระจ่างเนตร แนะนำตัวว่าเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของคุณทักษิณ  เป็นผู้มาพบ บอกว่า คุณทักษิณต้องการให้ผมเป็นคนดำเนินรายการ  ผมจึงได้ตอบตกลง โดยขอถ่ายโทรทัศน์เพื่อเอามาออกอากาศด้วย


 


วันนั้น ก่อนที่คุณทักษิณจะขึ้นเวที มีการรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน ที่โต๊ะของเรามีแขกผู้ใหญ่หลายคน ที่จำได้ก็มี ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นั่งเป็นประธานจัดงานอยู่ด้วย


 


คุณทักษิณได้พยายามบอกให้ผมถามคำถามไปในอนาคตว่า  คุณทักษิณจะมีเส้นทางเดินอย่างไร?


 


ผมไม่ยอมและได้แจ้งว่า คงต้องขอถามย้อนอดีตด้วย เพราะหัวข้อเรื่องคือ "เส้นทางเดินของทักษิณ"  จำเป็นต้องรู้เส้นทางเดินในอดีต จึงจะเข้าใจปัจจุบัน และอนาคต


 


ผมจึงได้ถามคำถามอย่างเช่น


 


"ทำไมเกิดเมืองเหนือ  แต่ชื่อทักษิณ"


"ทำไมถึงรวยเร็ว"


"ทำอย่างไรจึงได้สัมปทานผูกขาดโทรคมนาคม"


"ทำไมไปดึงตัวคุณเสนาะ เทียนทอง จากพรรคความหวังใหม่"


"ทำไมซื้อสนามกอล์ฟของคุณเสนาะ 500 ล้าน"    ฯลฯ


 


คำถาม-คำตอบเหล่านี้  ผมคิดว่าคนเขาอยากรู้ก็ถาม  แต่คำถามพวกนี้เองได้ก่อเหตุให้ผมอย่างน้อย 2 ประการ


 


1) ลงจากเวที คุณทักษิณกระซิบผมว่า "วันนี้ผมเลือดโชกเลย" พูดเสร็จก็ดึงแขนเสื้อนอกให้ดูถึงข้อมือ  ทำเหมือนกับว่าถูกผมถามชอนไชจนเลือดออก


 


2) ต่อมาในภายหลัง  ป.ป.ช. เรียกผมเป็นพยานในคดี "ซุกหุ้น 1"  เพราะคุณทักษิณได้ตอบในรายการนี้เองว่า ซื้อสนามกอล์ฟอัลไฟน์จริง แต่กลับไม่ได้แจ้งทรัพย์สินในนามของตนต่อ ป.ป.ช.


 


หุ้นของทักษิณในบริษัท Watch Dog ยังมีอยู่ในนามของใคร?


ก่อนที่ "ทักษิณ" จะลงเล่นการเมือง  เขาได้โอนหุ้นจำนวน 1,000 หุ้น ไปให้แก่ "มูลนิธิดวงประทีป"   ส่วนอีก 1,000 หุ้นได้โอนไปให้ "มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ"


 


ผมยืนยันว่า  สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดที่วงเวียนใหญ่เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2549 นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด  


 


พุทธศาสนาสอนพวกเราว่า  "คนพูดเท็จ ไม่ทำบาป  (ไม่ทำชั่ว)  ไม่มี"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net