วันอังคารที่ 4 เมษายน 2006 17:23น.

ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

นักวิชาการ มอ.ตานีหนุนพันธมิตรสื่อรวมพลังต้านคุกคาม วันที่ 5 เม.ย.นี้ แนะรุกปักธงปฏิรูปสื่อ เพื่อตีกันการคุมคาม-แทรกแซง พร้อมเตรียมจัดเวทีเสวนาระดมสมอง ที่มอ.ปัตตานี เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและหาทางออกวิกฤตสื่อ วิกฤตชาติ ในบ่ายวันเดียวกัน

"การรวมพลังของสื่อในครั้งนี้ จึงไม่ควรเป็นเพียงแค่การมาเปิดโปงเหตุการณ์การถูกคุกคามหรือการกำหนดท่าทีในการต่อต้านหรือรับมือกับการคุมคามเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญสำหรับการรวมตัวในครั้งนี้ของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อก็คือ การทบทวนบทบาทและหน้าที่ที่ผ่านมาของตนเองด้วยว่ามีปัจจัยแทรกซ้อนใดบ้าง ที่อาจเป็นที่มาหรือเป็นช่องว่างที่ทำให้เป็นต้นเหตุของการถูกแทรกแซง" นางวลักษณ์กมล จ่างกมล รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย คณะวิทยาการสื่อสาร มอ.ปัตตานี กล่าวถึงการนัดรวมตัวของสื่อมวลชนในวันพรุ่งนี้ (5 เม.ย.)

ทั้งนี้ในวันดังกล่าว สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทยและสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ร่วมกันจัดกิจกรรม "รวมพลัง ต้านคุกคามสื่อ" ที่สมาคมนักข่าวฯ ตรงข้ามโรงพยาบาลวชิระ

โดยเชิญตัวแทนจากองค์กรสื่อทุกแขนง ทั้งผู้บริหารระดับสูงจากกองบรรณาธิการข่าวต่างๆ รวมทั้งนักข่าวรุ่นเก่าและรุ่นปัจจุบัน หัวหน้าข่าวจากองค์กรสื่อทั้งหนังสือ พิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ ร่วมกันประเมินและวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ความรุนแรงในการคุกคามสื่อที่เกิดขึ้น รวมถึงกำหนดท่าทีและแนวทางออก ทั้งนี้คาดว่า จะมีนักข่าวจากองค์กรสื่อทุกแขนง เข้าร่วมรณรงค์ต่อต้านการคุกคามสื่อครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 1,000 คน

วลักษณ์กมลเห็นว่า การรวมพลังของวิชาชีพสื่อมวลชนเพื่อกำหนดท่าทีและทางออกในการต่อต้านการคุกคามสื่อถือเป็นเรื่องที่ดี และผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆ สามารถทำได้ ไม่เพียงแต่วิชาชีพสื่อเท่านั้น เพราะถือเป็นกลไกในการกระตุ้นให้เกิดพลังและการรวมกลุ่มกันของคนที่อยู่ในวิชาชีพเดียวกัน

รวมทั้ง วิชาชีพสื่อน่าจะมีแนวทางบรรทัดฐานหรือพันธะสัญญาที่จะนำเสนอกับสาธารณะด้วยว่า จะดำรงสถานะและบทบาทการทำหน้าที่ของตนเองอย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์และอยู่เคียงข้างกับประโยชน์สาธารณะมากที่สุด ซึ่งพันธะสัญญาเหล่านี้จะนำไปสู่การได้รับการปกป้องจากสาธารณะต่อไป

ขณะเดียวกันผู้ประกอบวิชาชีพก็อาจจะมีข้อเสนอแนะต่อภาคสาธารณะด้วยว่า ในฐานะที่สื่อได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องและคุ้มครองประโยชน์ของสาธารณะแล้ว สาธารณะเองน่าจะมีมาตรการหรือแนวปฏิบัติใดบ้างที่จะเป็นการแสดงออกซึ่งความคุ้มครองวิชาชีพสื่อ

"ทั้งนี้ เพื่อที่จะมีส่วนร่วมในการขยายผลความเคลื่อนไหวในครั้งนี้และเป็นการแสดงพลังของภาควิชาการและภาคประชาชนในการปกป้องวิชาชีพสื่อให้สามารถดำรงบทบาทได้อย่างอิสระและอิงกับประโยชน์สาธารณะมากที่สุดนั้น คณะวิทยาการสื่อสารจึงได้ร่วมกับศูนย์ข่าวอิศรา จัดการเสวนา ในประเด็น "วิกฤตสื่อ...วิกฤตชาติ : ปัญหาและทางออก" ขึ้นที่ คณะวิทยาการสื่อสาร มอ.ปัตตานี ในวันที่ 5 เม.ย. เวลา 17.00 น."รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย คณะวิทยาการสื่อสาร มอ.ปัตตานีระบุ

โดยคาดหวังว่า จะช่วยกันระดมความคิดเห็นและนำเสนอเป็นทางออกที่เหมาะสมของบทบาทวิชาชีพสื่อในภาวะวิฤตทางสังคมในปัจจุบันรวมทั้งจะนำไปสู่การหาแนวทางที่ภาคประชาชนจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องคุ้มครองการทำหน้าที่ของวิชาชีพสื่อด้วย

นางสาวปรางทิพย์ ดาวเรือง นักข่าวอิสระ กล่าวว่า รูปแบบการคุกคามสื่อโดยใช้การชุมนุมกดดันกลุ่มที่คัดค้านหรือไม่เห็นด้วยกับอำนาจรัฐนั้น แม้เป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย แต่กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นในมาเลเซียและอินโดนีเซียมาแล้ว

"กรณีของไทยนั้นเปลี่ยนจากอำนาจรัฐมาเป็นม็อบกดดัน ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในมาเลเซียและอินโดนีเซีย" ปรางทิพย์ซึ่งทำงานวิจัยการทำข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้งในอินโดนีเซียระบุ

เธอเล่าว่า ในสมัยนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมหมัด เคยเกิดกรณีที่ยุวชนพรรคอัมโน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของมาเลเซีย เข้าปิดล้อมขัดขวางการจัดเวทีสัมมนาของนักวิชาการ และนักพัฒนาเอกชนกรณีติมอร์ตะวันออกที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยเหตุครั้งนั้นทำให้เวทีต้องล้มเลิก ซึ่งจนถึงบัดนี้ยังเป็นคดีความฟ้องร้องอยู่ในศาล

ส่วนกรณีของอินโดนีเซียนั้น ในสมัยประธานาธิบดีอับดุลเราะห์มาน วาฮีด เกิดกรณีที่กลุ่มผู้สนับสนุนนายวาฮีด ยกพลเข้าถล่มที่ทำการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งที่เขียนการ์ตูนล้อเลียนผู้นำ รวมถึงบุกกดดันสื่อทีเขียนพาดพิง ให้ขอโทษนายวาฮีด