ประชาไท—5 เม.ย. 2549 พรรคประชาธิปัตย์เรียกประชุมทีมกฎหมายด่วน เพื่อพิจารณาว่ามติของคณะกรรมการการเลือกตั้งสามารถปฏิบัติตามได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากทางพรรคเกรงว่าการเปิดรับสมัครผู้สมัครใหม่จากทุกพรรคการเมืองจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สมัครจากพรรคเล็กลงแข่งขัน ละนี่อาจเป็นการเตรียมการทุจริตเพื่อลดข้อจำกัดเรื่องการได้คะแนนเสียงไม่ถึงร้อยละ 20 ให้แก่ผู้สมัครพรรคไทยรักไทย

ทั้งนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่าผู้สมัครที่กกต.เปิดรับสมัครใหม่จะมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่-อย่างไร และคิดว่ากกต.น่าจะใช้วิธีการให้ผู้สมัครเดิมมาเป็นตัวเลือกให้ได้คะแนนเสียงครบร้อยละ 20 แทนการเปิดรับผู้สมัครรายใหม่

นอกจากนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันอีกด้วยว่าทางพรรคจะยับยั้งมิให้กกต.กระทำการใดๆ ที่อาจเอื้อประโยชน์แก่พรรคการเมืองบางพรรค อันถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างยิ่ง

ขณะเดียวกัน มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย หรือพีเน็ต ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้รับข้อเสนอจากประชาชนเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง 3 ประเด็น พร้อมร่วมหารือกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งประเด็นที่สำคัญคือ (1) ประชาชนขอให้กกต.ยกเลิกการนำผู้แทนทางการเมืองไปประจำที่หน่วยเลือกตั้ง (2) ขอให้ทบทวนการจัดคูหาเลือกตั้งแบบที่หันหลังให้แก่ผู้ที่อยู่นอกคูหา และข้อ (3) ขอให้การลงคะแนนเลือกตั้งเป็นความลับ

พลตำรวจเอก วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต. ออกมาแสดงความหนักใจต่อการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่ากกต.ไม่ได้ละเลยรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าการลงคะแนนเลือกตั้งต้องเป็นความลับ แต่การวิจารณ์เรื่องการจัดคูหาเลือกตั้งเป็นการจับผิดกกต.มากกว่า แต่ตนก็รู้สึกยินดีที่หลายฝ่ายช่วยกันติดตามการทำงานของกกต. และข้อเสนอที่ยื่นให้แก่กกต.นี้จะถูกนำไปพิจารณาปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการเลือกตั้งมากที่สุด

ล่าสุด กกต.ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารการเลือกตั้งออกสอบถามความคิดเห็นของกกต. ทั่วประเทศแล้ว เพื่อประเมินผลดีผลเสียในการปรับคูหาเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะถึง และพร้อมจะนำเสนอผลที่ได้ภายใน 3 วันเพื่อนำไปสู่การปรับแนวทางการเลือกตั้งต่อไป