นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการตั้ง "อัยการอิสระ"เพื่อดำเนินการตรวจสอบสวนพฤติกรรมและข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกล่าวหา เช่น การใช้อำนาจรัฐเอื้อผลประโยชน์ให้กับธุรกิจ, นโยบายของรัฐบาลเรื่องการเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ผิดพลาดมีผลประโยชน์ทับซ้อนส่วนตัว
"ถ้าวันนี้นายกฯ ลาออก กระบวนการต่างๆ จะเดินไปด้วยตัวมันเอง เพราะตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ระบอบทักษิณที่คุมกลไกต่างๆ ของรัฐอยู่ นายกฯ ต้องลาออกอย่างเดียว การตรวจสอบก็จะเกิดขึ้น อาจเป็นอัยการอิสระเหมือนในต่างประเทศ ส่วนการปฏิรูปการเมืองก็เช่นกัน จะเดินหน้าได้นายกฯ ต้องลาออกทิ้งข้อเสนอสภาสนามม้าแล้วค่อยมาคุยกันว่าจะมีรูปแบบ เนื้อหา และองค์กรจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ให้คุณทักษิณมาเป็นคนนำ สรุปเอง วางแผนไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วจะมาผูกมัดให้คนอื่นเดินตาม" นายบรรเจิด กล่าว
และในฐานะแกนนำนักวิชาการในเครือข่ายสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง ยังได้กล่าวถึงเนื้อหาการปฏิรูปการเมืองที่จะต้องมีการแก้ไขหรือทบทวน อาทิ 1.การบังคับสังกัดพรรคการเมือง ตามมาตรา 107 (4) ของรัฐธรรมนูญ 2.นายกรัฐมนตรีจะต้องแต่งตั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือผู้เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่พ้นจากสมาชิกภาพตามมาตรา 118 (7) ในอายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดเดียวกัน (มาตรา 201) 3.การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 185 4.บทบัญญัติเกี่ยวกับจัดการหุ้นของรัฐมนตรีตามมาตรา 209 และการกำหนดห้ามมิให้กระทำการใดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 110 และ 5.ปรับระบบการได้มาของวุฒิสมาชิกใหม่
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)