สมาชิกสภา จีน แลมเบิร์ท (Jean Lambert) จากสหราชอาณาจักร และฟริทจอฟ สมิชท์ (Frithjof Schmidt) จากเยอรมันได้ส่งคำถามเป็นลายลักษณ์อักษรต่อสหภาพยุโรป และกรรมาธิการยุโรป ต่อกรณีการล้มเหลวของคำสัญญาของรัฐบาลไทยในการตามหาตัวทนายสมชาย
"สภาได้ตระหนักถึงการบังคับให้หายตัวไป และการต่อเนื่องของสืบสวนทางอาญาในกรณีนี้หรือไม่?" เป็นหนึ่งในคำถามต่อสหภาพยุโรป
"สภาได้สอบถามไปยังรัฐบาลไทยหรือไม่ ว่าทำไมจึงประสบความล้มเหลวต่อการแก้ปัญหาคดีนี้ ทั้งๆ ที่ได้ให้คำมั่นสัญญาซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จะคลี่คลายคดี ทั้งในระดับการเจรจาโดยตรง หรือระดับทวิภาคี และระดับภูมิภาคอาเซียน?" นี่เป็นอีกคำถามหนึ่ง
อังคณา นีละไพจิตร ภรรยา ถูกข่มขู่คุกคามหลายครั้ง ตั้งแต่ระยะแรกแห่งการเพรียกหาความยุติธรรม
จนครั้งล่าสุด เมื่อเร็วๆ นี้ เดือนมีนาคม 2549 ที่ผ่านมา
สมาชิกสภายุโรปทั้งสองยังได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการทรมานที่เจ้าหน้าที่รัฐไทยนำมาใช้ และโยงไปถึงคำถามต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับสหภาพยุโรป
"นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายต่อรัฐบาลไทยเป็นอย่างมาก" บาซิล เฟอร์นันโด ผู้อำนวยการ กรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (AHRC) กล่าว
"ดูเหมือนว่า สมาชิกสภายุโรปจะให้ความสนใจอย่างมากต่อเหตุการณ์นี้มากกว่ากรณีสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย"
"นี่เป็นคดีทดสอบสำหรับประเทศไทย และถึงขณะนี้ไทยได้สอบตกแล้วอย่างน่าเสียดาย" บาซิล กล่าวเพิ่มเติม
"AHRC ได้ย้ำเตือนรัฐบาลไทยหลายครั้งแล้วว่า ความสนใจต่อคดีนี้ และ คำถามต่อประเด็นการบังคับให้หายตัวไป การทรมาน และการวิสามัญ จะไม่มีวันลบเลือนไป" บาซิล กล่าว
"ความล้มเหลวของรัฐบาลต่อการทำงานอย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ในการหายตัวไปครั้งนี้ และในประเด็นที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้กลายเป็นสิ่งที่ทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยในระดับนานาชาติไปแล้ว" ผู้อำนวยการ AHRC กล่าวเพิ่มเติม
หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนจากฮ่องกงแห่งนี้ ได้รณรงค์ในคดีนี้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2547 และเร็วๆ นี้ ได้แสดงข้อกังขาอย่างสูงต่อความตั้งใจจริงของรัฐบาลไทยในการคลี่คลายคดี นอกจากนี้ AHRC ยังได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลการทรมานที่กระทำโดยตำรวจไทย และคดีทั้งหมดที่ได้รณรงค์ยังไม่ได้รับการดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งๆ ที่ได้นำเสนอข้อมูลไปยังกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในปี 2548 แล้ว
"เห็นได้ชัดว่าปัญหาการทรมานโดยตำรวจในประเทศไทยในขณะนี้ ได้รับการสนใจอย่างจริงจังจากสหภาพ ยุโรป" กล่าวโดย บาซิล
"สหภาพยุโรปเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจที่สำคัญ การตัดสินใจใดๆ อาจมีผลกระทบอย่างสูงสุดต่อการค้าแบบทวิภาคี และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในด้านอื่นๆ "
"ถึงเวลาที่รัฐบาลไทยต้องมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้แล้ว" ผู้อำนวยการ AHRC วิพากษ์รัฐบาลไทย
ภายใต้กฎของสหภาพยุโรป คำถามจากสมาชิกสภาต้องได้รับคำตอบจากสภาและกรรมาธิการภายในสามอาทิตย์
เมื่อเร็วๆ นี้ AHRC ได้เรียกร้องให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษลาออกจากตำแหน่ง ในฐานะที่ไม่สามารถคลี่คลายคดีการลักพาตัวทนายสมชาย เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547
นอกจากนั้น ยังได้วิพากษ์ถึงความไม่มีประสิทธิภาพในการคลี่คลายคดีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนทุกคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมดังกล่าว
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา AHRC ได้วิจารณ์ว่า การที่มีผู้ต้องหาเพียงหนึ่งคนได้รับคำตัดสินว่าผิดนั้น แสดงถึง "ภาระอันหนักหน่วงยิ่ง" ที่รัฐบาลไทยต้องหาคำตอบต่อการหายตัวไปของทนายสมชาย
ทั้งนี้ พ.ต.ต. เงิน ทองสุก ได้รับการตัดสินจำคุกสามปีในข้อหาบังคับเข็ญใจ แต่เนื่องจากยังไม่มีการพบร่างของทนายสมชาย ในทางกฎหมายจึงยังไม่สามารถตั้งข้อหาฆาตกรรมได้ ขณะนี้ไทยยังไม่มีกฎหมายที่ห้ามการบังคับให้หายตัวไป
นายกรัฐมนตรีของไทยได้ประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่า คดีนี้จะได้รับการคลี่คลาย และจะสามารถนำไปสู่การตั้งข้อหาฆาตกรรมได้ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์
วันที่ 11 มีนาคม 2549 AHRC ได้มอบรางวัลนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนคนที่สองให้แก่ทนายสมชาย โดยคุณอังคณาเป็นผู้รับมอบรางวัลแทนสามี
รายละเอียดคำถามทั้งหมดที่นำเสนอโดยสองสมาชิกสภาสหภาพยุโรป
คำถามลายลักษณ์อักษรลำดับก่อนต่อสภาแห่งสหภาพยุโรป
(ตามระเบียบ 110[4])
กรณีของนาย
นาย
หลังจากที่เขาหายตัวไป ภรรยาของเขา นาง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยกลับประสบความล้มเหลวในการสะสางคดีคุณสมชาย การสืบสวนสอบสวนที่บกพร่อง ทำให้มีตำรวจเพียงหนึ่งนายเท่านั้นจากห้านาย ที่ได้รับพิพากษาจำคุกสามปี เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2549 ต่อข้อหาเกี่ยวกับการบังคับ ขู่เข็ญ ทั้งนี้เพราะประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะต่อกรณีการบังคับให้หายตัวไป ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งในห้าของผู้ต้องหา ที่สันนิษฐานว่าจะเป็นหัวหน้านำการปฏิบัติการลักพาตัว กลับได้รับรางวัลจากหน่วยงาน จากแรงกดดันของสาธารณะ
ในที่สุดนายกรัฐมนตรีได้ประกาศออกมาว่า มีข้อมูลที่เชื่อได้ว่าทนายสมชายถูกลักพาตัวและถูกฆาตกรรมในเวลาต่อมาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยังกล่าวด้วยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษจะทำการสอบสวนต่อไปและสามารถที่จะนำไปสู่การตั้งข้อหาฆาตกรรมได้ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่จนบัดนี้ดูเหมือนว่าจะมีความคืบหน้าแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อังคณาและนักสิทธิมนุษยชนอื่นๆได้วิพากษ์วิจารณ์ว่าหัวหน้าชุดสืบสวนมีความตั้งใจที่จะขัดขวางกระบวนการหาหลักฐานเพื่อคลี่คลายคดี
สภาได้ตระหนักถึงการบังคับให้หายตัวไป และการต่อเนื่องของสืบสวนทางอาญา ในกรณีนี้หรือไม่? สภาได้สอบถามไปยังรัฐบาลไทยหรือไม่ ว่าทำไมจึงประสบความล้มเหลวต่อการแก้ปัญหานี้ ทั้งๆ ที่ได้ให้คำมั่นสัญญาซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จะคลี่คลายคด ทั้งในระดับการเจรจาโดยตรง หรือระดับทวิภาคี และระดับภูมิภาคอาเซียน? สภาได้แสดงความห่วงใยไปยังรัฐบาลไทยหรือไม่ ต่อการคุกคามข่มขู่ที่มีต่อคุณอังคณา? สภาจะสร้างความมั่นใจได้อย่างไรว่า ข้อปฏิบัติต่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่สัมพันธ์กับคดีนี้ จะมีการนำมาปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้มาตรการที่เหมาะสมที่ได้บัญญัติไว้ใน "หลักการปารีส" หรือไม่? จะมีความมั่นใจได้อย่างไรว่าข้อปฏิบัติในเรื่องการทรมานจะถูกนำมาใช้ ในรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อการหายตัวไปของทนายสมชาย?
สภาได้นำเอาข้อปฏิบัติของ จริยธรรมแห่งการค้าอาวุธ แห่งสหภาพยุโรป มาใช้พิจารณาหรือไม่ ต่อกรณีการร้องเรียนของทนายสมชายในเรื่องปัญหาการทรมานที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบในประเทศไทย และสภาได้มีมาตรการที่ชัดเจนใดๆ หรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ในจริยธรรม?
(ลายเซ็น)
จีน แลมเบิร์ท
ฟริทจอฟ สมิชท์
10 เมษายน 2549
หมายเหตุ
AHRC หรือ คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ ที่ทำงานด้านการรณรงค์และตรวจสอบประเด็นสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเอเชีย ตั้งขึ้นปี 2527 และมีสำนักงานอยู่ที่ประเทศฮ่องกง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)