อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการชะลอการเจรจาเอฟทีเอดังกล่าวแต่ยืนยันว่า ประเทศไทยจะต้องไม่เสียเปรียบและให้เจรจาไปเรื่อยๆ ทุกเรื่อง และหากเห็นว่าไทยเสียเปรียบก็จะไม่มีการเจรจาโดยเด็ดขาด
ส่วนการเจรจาเอฟทีเอไทยและญี่ปุ่น นายสมคิดกล่าวว่า จะสามารถลงนามในเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ได้ภายในต้นเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นช่วงก่อนที่ญี่ปุ่นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และไทยก็จะมีรัฐบาลใหม่ด้วย จะเริ่มมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้
ทั้งนี้ ไทยและญี่ปุ่นบรรลุความตกลงเบื้องต้นที่จะเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างกัน ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยทั้งสองฝ่ายจะเจรจาในรายละเอียดของกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) และจัดทำความตกลงฉบับสมบูรณ์ เพื่อลงนามในช่วงเดือน เม.ย. แต่ต้องเลื่อนไป เพราะความวุ่นวายทางการเมืองในไทย
นอกจากนี้ นายสมคิดยังได้มอบหมายให้ นาง
ทั้งนี้ เห็นว่าการค้าจะต้องเป็นรูปแบบการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันในเชิงลึกทุกเรื่องเพื่อให้เกิดการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เน้นเฉพาะการลดภาษีระหว่างกัน เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่จะได้นำแผนและข้อมูลมาเดินหน้าเจรจากันได้ทันที ซึ่งในปีนี้ได้วางเป้าหมายที่จะเจรจาการค้าแบบเชิงลึกกับ 4 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และรัสเซีย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)