เอเอฟพี / เอเจนซี  - ตำรวจเปิดฉากใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่กลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในเนปาล ที่ออกมารวมตัวเดินขบวนประท้วงใหญ่ท้าทายกฎเคอร์ฟิว "ยิงไม่เลือกหน้า" ของรัฐบาลกษัตริย์กิเนนดรา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน บาดเจ็บอีกหลายสิบราย

การรวมตัวประท้วงใหญ่มีขึ้นในวันนี้ (20 เม.ย.) ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์ที่สามของการประท้วง หลังแกนนำพันธมิตร 7 พรรคการเมืองหลักในเนปาล เรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลังบนท้องถนนเป็นวันที่ 15 ติดต่อกัน เพื่อกดดันกษัตริย์กิเนนดรา ให้ยุติระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และคืนอำนาจในระบอบประชาธิปไตยแก่ผู้คนในแดนเทือกเขาหิมาลัย

แพทย์ของโรงพยาบาลโมเดลในกรุงกาฐมาณฑุ เผยว่า มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 40 คน ที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนใหญ่มีบาดแผลซึ่งเกิดจากการถูกยิง ในจำนวนนี้มีสามรายที่เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ก่อนหน้านั้น บรรดาผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตำรวจได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ฝูงชนเพื่อสกัดกั้นผู้ประท้วงหลายพันคนที่พยายามฝ่าฝืนกฎเคอร์ฟิว ด้วยการเดินขบวนจากย่านคาลันกี ชานเมืองหลวงด้านทิศตะวันตก มุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงกาฐมาณฑุ

"ตำรวจได้เปิดฉากยิงอย่างไม่แยกแยะ" คุนดัน อาร์ยัล อาสาสมัครกลุ่มสิทธิมนุษยชน ซึ่งช่วยนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล เผยถึงนาทีแห่งความรุนแรง พร้อมกับเสริมว่า "พวกเขาใช้กระบอง และยิงทั้งกระสุนยาง และกระสุนจริง เพื่อขับไล่ผู้ประท้วงที่วิ่งหนี มันเป็นการกราดยิงชุดใหญ่"

ก่อนหน้านั้นในการประท้วงตลอด 14 วันที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุมถูกสังหารเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 8 คน และได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน ทว่า การประกาศเคอร์ฟิวในกรุงกาฐมาณฑุ ล่าสุด ต่างจากครั้งก่อนๆ เนื่องจากมีการสั่งห้ามแม้กระทั่งนักข่าว นักการทูต และคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล ออกนอกเคหะสถาน ตั้งแต่เวลา 2.00 - 20.00 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น

.............................................................................

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์