ประชาไท—10 พ.ค. 2549 นายฮูโก้ ชาเวซ ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา กล่าวในรายการ "สวัสดี ประธานาธิบดี" เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 พ.ค.) ว่า รัฐบาลเวเนซุเอลาจะจัดเก็บภาษีน้ำมันรูปแบบใหม่กับบริษัทน้ำมันต่างชาติ และจะขึ้นภาษีเงินได้จากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบในเขตฟาจา ซึ่งการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้จะทำให้เวเนซุเอลามีรายได้เพิ่มขึ้น 885 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โดยรัฐบาลจะเรียกเก็บภาษีน้ำมันรูปแบบใหม่ หรือที่เรียกว่า ภาษีการสกัดน้ำมัน จากผู้ผลิตในอัตรา 33% แทนภาษีแบบเดิมซึ่งเก็บในอัตรา 16.7% ขณะที่จะเก็บภาษีเงินได้จากผู้ผลิต 4 รายในเขตขุดเจาะน้ำมันฟาจา เพิ่มจาก 34% เป็น 50% เท่ากับอัตราที่เรียกเก็บจากบริษัทอื่น

สำหรับบริษัทผู้ผลิต 4 แห่งนั้น เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทเปโตรลีออส เดอ เวเนซุเอลา เอสเอ (พีดีวีเอสเอ) ซึ่งเป็นธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัฐบาลเวเนซุเอลา กับบริษัทต่างชาติ ประกอบด้วยบริษัทซินคอร์, บริษัทฮามากา, บริษัทเซอร์โรนีโกร และบริษัทเปโตรซูอาตา โดยบริษัททั้ง 4 แห่งมีกำลังผลิตน้ำมันดิบจากเขตขุดเจาะน้ำมันฟาจา รวมกัน 6 แสนบาร์เรลต่อวัน จากสัดส่วนการผลิตน้ำมันทั้งประเทศ 3.27 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ทั้งนี้ นายชาเวซกล่าวโจมตีบริษัทต่างชาติที่เข้ามาขุดเจาะแหล่งน้ำมันในเวเนซุเอลา ว่าเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในประเทศ โดยเสียภาษีเพียงเล็กน้อย ทั้งที่ธุรกิจดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ นายชาเวซยังได้กล่าวว่า สหรัฐฯ พยายามข่มขู่เวเนซุเอลา ด้วยการเตรียมซ้อมรบทางเรือในทะเลแคริบเบียนในเดือนนี้ด้วย

นอกจากนี้ นายชาเวซได้กล่าวชื่นชมการตัดสินใจของประธานาธิบดี อีโว โมราเลส ของโบลิเวีย ซึ่งประกาศยึดอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติและน้ำมันกลับมาเป็นของรัฐ ว่าเป็นนโยบายเพื่อประเทศชาติในอนาคตอย่างแท้จริง

โดยก่อนหน้านี้ เวเนซุเอลา ได้ยกเลิกสัญญาขุดเจาะน้ำมันกับบริษัทเอกชนในแหล่งน้ำมัน 32 แห่ง และเสนอสัญญาใหม่ที่เปิดให้พีดีวีเอสเอครองส่วนแบ่งสัมปทานอย่างน้อย 60% ขึ้นค่าภาษีและปรับลดพื้นที่ขุดเจาะน้ำมัน เมื่อเดือนที่แล้ว

สำหรับเวเนซุเอลานั้นถือเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก และเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ โดยมีก๊าซประมาณ 151 ล้านล้านคิวบิกฟุต ส่วนโบลิเวีย ซึ่งเป็นอันดับ 2 มีก๊าซประมาณ 48.7 ล้านล้านคิวบิกฟุต