ภาพจาก http://agspsrv34.agric.wa.gov.au/ento/pestweb/Query1_1.idc?ID=916371467
บริษัทจัดจำหน่ายน้ำอัดลมหลายรายถูกสั่งห้ามขายเครื่องดื่มที่มีผสมคาร์บอนไดออกไซด์ภายในโรงเรียนประถมและมัธยมในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลีย เนื่องจากผู้ปกครองส่วนใหญ่เห็นว่าการบริโภคน้ำอัดลมเป็นประจำทำให้สุขภาพของเด็กๆ ไม่สมบูรณ์และเป็นสาเหตุของโรคอ้วน
ทั้งนี้ กระแสต่อต้านการจำหน่ายน้ำอัดลมภายในโรงเรียนได้เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยผู้ที่ต่อต้านส่วนใหญ่ ได้แก่ ผู้ปกครองและนักโภชนาการ ซึ่งเห็นว่าการบริโภคน้ำอัดลมเป็นประจำคือสิ่งที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่มีน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐาน เพราะน้ำอัดลมเต็มไปด้วยน้ำตาลในปริมาณสูงมาก และนักเรียนบางคนบริโภคน้ำอัดลมมากกว่า 3 กระป๋องต่อวัน ถือเป็นการบริโภคที่เกินหลักโภชนาการที่ดี
มูลนิธิวิลเลียม เจ. คลินตัน ของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ร่วมกับสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา และบริษัทจัดจำหน่ายน้ำอัดลมจึงได้จัดทำข้อตกลงร่วมกันว่าทั้งหมดจะเลิกขายน้ำอัดลมในโรงเรียน และหันไป่เกิดหิ่งที่ทำให้บุตรหลานมีน้ำหนักมากเกิน และ
ลาหนึ่งแล้ว นักเรียนประถมและมัธยมบริโภคน้ำอัดลมเป็นกิจวัจำหน่ายเฉพาะน้ำดื่ม น้ำผลไม้ และนมไขมันต่ำให้แก่นักเรียนทั้งระดับประถมและมัธยมตามโรงเรียนของรัฐบาลทั่วประเทศแทน
บริษัทจัดจำหน่ายน้ำอัดลมในอเมริกาที่ร่วมลงนามในข้อตกลงฉบับนี้ ได้แก่ บริษัทแคดเบอรี โคคา-โคลา เป็ปซี่ ชเวปส์ และสมาคมผู้ประกอบการเครื่องดื่มแห่งอเมริกา ซึ่งถือเป็นกลุ่มบริษัทที่ครองส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลมของสหรัฐอเมริกาอยู่เป็นจำนวนมาก
ก่อนหน้าที่สหรัฐอเมริกาจะมีการประกาศห้ามขายน้ำอัดลมภายในโรงเรียน ทั้งออสเตรเลียและอังกฤษต่างก็ประกาศงดขายน้ำอัดลมภายในรั้วโรงเรียนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว โดยให้เหตุผลเดียวกันว่าโรงเรียนมีหน้าที่ส่งเสริมการเรียนรู้ทุกด้าน รวมถึงการเลือกบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์
อย่างไรก็ตาม การออกกฎห้ามจำหน่ายน้ำอัดลมในโรงเรียนได้ก่อให้เกิดผลกระทบแก่ผู้จำหน่ายสินค้ารายย่อยในโรงเรียนรัฐบาลที่ทำสัญญาจัดจำหน่ายน้ำอัดลมกับบริษัททั้งหลายเป็นรายปี เนื่องจากผู้จำหน่ายเหล่านี้ไม่สามารถยกเลิกสินค้าได้ และในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถขายสินค้าได้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)